xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แนะ “สมชาย” ยอมกลืนเลือด! จี้จับ “พี่เมีย” มาติดคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
“วิปฝ่ายค้าน” เมินถูกตรวจสอบ ย้ำเจตนารมณ์รับไม่ได้นโยบายเปื้อนเลือด พร้อมจี้ รบ.เลือกระหว่าง ตั้ง ส.ส.ร.หรือ รธน.ฉบับหมอเหวง แนะทางออกยุติแก้ ม.291 แล้ว “ยุบสภา” เหน็บ “สมชาย” แยกสัมพันธ์เครือญาติ บี้จับพี่เมียมารับโทษทัณฑ์


วันนี้ (22 ต.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่องค์กรพลังแผ่นดินแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันที่ 7 ต.ค. และยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยหรือไม่ว่า พรรคไม่ได้ขัดขวาง แต่ที่ไม่เข้าร่วมเพราะไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลที่เดินข้ามกองเลือดเข้าไปแถลงนโยบาย ดังนั้น การยื่นตรวจสอบครั้งนี้จึงไม่น่ามีปัญหา พรรคพร้อมให้ตรวจสอบ แต่อย่าลืมว่าทางพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลก็เคยเล่นเกม โดยไม่เข้าร่วมการประชุมสภาเพื่อไม่เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคในขณะนั้นได้กวักมือเรียก ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนออกจากห้องประชุม เพื่อไม่ให้โหวตให้นายสมัครเป็นนายกฯ เช่นกัน นอกจากนี้ ในวันแถลงนโยบายก็ยังพบว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 49 คน ก็ไม่เข้าร่วมการแถลงนโยบายด้วยเช่นกัน จึงอยากถามว่า ทำไมถึงไม่ตรวจสอบด้วย

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ใครเข้าร่วมแถลงนโยบายหรือไม่เข้าร่วม แต่อยู่ที่ความพร้อมและความเหมาะสมของการแถลงนโยบาย เพราะตามรัฐธรรมนูญสามารถเลื่อนการแถลงนโยบายได้อีก 2 วัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่เลื่อน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการยื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผลมาจากการไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วินิจฉัยให้ติดคุก 2 ปี โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะส.ส.พลังประชาชนก็ออกมาบอกว่าจะทำสงครามประชาชน

นายสาทิตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโจมตีกระบวนการยุติธรรมหลังการพิพากษาว่าการพิจารณาครั้งนี้มีการใช้ศาลเป็นเครื่องมือจัดการทางการเมืองว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น แทนที่องค์กรเหล่านี้จะมาตรวจสอบผู้ไม่เข้าร่วมการแถลงนโยบาย ควรจะไปกดดันนายสมชายในแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนรู้สึกผิดหวังการท่าทีของคนเป็นนายกฯ ที่แสดงท่าทีปกป้องโดยระบุว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นการทุจริต แต่เป็นการทำผิดกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมจะกล้าออกมาพูดเช่นนี้

“วันนี้นายกฯ ต้องแยกให้ออกระหว่างการเป็นน้องเขยกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อการทำงานของศาลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงอยากถามนายกฯ ว่า ท่านจะแบกเกียรติภูมิอะไรไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ในเมื่อเรื่องแค่นี้คนเป็นนายกฯ ยังไม่สามารถจัดการได้เลย” นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติก็ยังมีปัญหา โดยเฉพาะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ยอมบรรจุกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.การพิจารณาคดีความ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงในระเบียบวาระการประชุม ซึ่งแม้ว่าการลงมติครั้งที่แล้ว ที่ประชุมจะมีมติไม่รับร่างดังกล่าว แต่เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ควรเปิดให้มีการลงมติใหม่ ซึ่งถ้านายชัยยังไม่บรรจุวาระร่างกฎหมายฉบับนี้ลงสู่ระเบียบวาระ อาจเข้าข่ายถอดถอนอย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยื่นเวลาการร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 120 วัน นายสาทิตย์กล่าวว่า แสดงออกถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน เป็นความพยายามผลักดัน ส.ส.ร.โดยไม่ยอมฟังเสียงของสังคม จึงเป็นเรื่องที่ต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะการลดแลกแจกแถมเช่นนี้จึงมีความผิดปกติ เพราะที่สุดแล้วการตั้ง ส.ส.ร.ไม่สามารถแก้วิกฤตบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการบรรจุวาระการประชุมเรื่องการแก้ไขมาตรา 291 เปิดช่องให้มีการตั้ง ส.ส.ร. ฝ่ายค้านจะมีจุดยืนอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีการยื่นเข้ามา มีแต่วาระการพิจารณากรอบการเจรจาไทย-กัมพูชา แต่ที่น่าแปลกใจในระเบียบวาระการประชุมยังคงมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 (คปพร.) ค้างอยู่ ตนจึงอยากได้ความชัดเจนว่าที่ประธานสภาฯ เคยรับปากว่าจะไม่เอาร่างดังกล่าว สุดท้ายแล้วคำตอบเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้ารัฐบาลดึงดันที่จะตั้งส.ส.ร. แต่กลับคงค้างร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร.ก็จะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงให้มากยิ่งขึ้น

“ทั้งรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนต้องเลือกระหว่างการตั้ง ส.ส.ร. 3 หรือจะถอนร่างของคปพร. เพราะไม่เช่นนั้นสงครามประชาชนที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนเคยขู่เอาไว้ก็อาจจะเกิดขึ้นจริง และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องคือให้ยุติการแก้มาตรา 291 ก่อน และกลับไปสู่การรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม เสียก่อน จากนั้นค่อยยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน” นายสาทิตย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น