xs
xsm
sm
md
lg

เตือนหวัดพันธุ์ใหม่“คล้าย”หวัดสเปน กลับมาอีกด้วยฤทธิ์ร้ายช่วงต้นฤดูหนาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พนักงานร้านอาหารในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ กำลังเตรียมเปิดร้านวันนี้(6) หลังจากทางการเม็กซิโกสั่งปิดร้านค้าและธุรกิจอื่นๆ 5 วันเพื่อของกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เอช1เอ็น1
เอเอฟพี- นักวิจัยสหรัฐฯ เตือนนานาชาติไม่ควรประมาท หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีความรุนแรงน้อยกว่าที่คิด โดยระบุว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้มีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่คล้ายกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปน และมีสิทธิ์กลับมาระบาดได้อีกครั้งโดยที่เชื้อจะมีความรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า

เจอร์เกน ริชต์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคนซัส สเตท ในสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ มีความคล้ายคลึงกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปนที่เคยคร่าชีวิตผู้คนราว 20-50 ล้านคนทั่วโลกเมื่อปี 1918 จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเชื้อโรคระบาดที่มีความรุนแรงและน่ากลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ริชต์ ระบุว่า เชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดมีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่ไม่แตกต่างกันมากนัก และสามารถพูดได้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็น “ญาติห่างๆ” กับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปน

ศาสตราจารย์ผู้นี้บอกว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะกลับมาระบาดอีกครั้งในอนาคต โดยจะมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าการระบาดในครั้งนี้ เช่นเดียวกับที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียง “ เชื้อโรคประหลาดชนิดหนึ่ง” เคยกลับมาระบาดอีกครั้งเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1918 และได้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเคยระบาดแบบไม่รุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่จะหายไปในช่วงฤดูร้อน

ขณะที่ศาสตราจารย์ ลอว์เรนซ์ สแตนเบอร์รีย์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปน ต่างก็เริ่มระบาดครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ผลิของซีกโลกเหนือเหมือนกัน นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลว่า ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากเชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี เหมือนกัน ซึ่งโดยปกติแล้วคนในวัยนี้จะถือเป็นผู้ใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อหวัดสูง

ทางด้าน พอล เอวัลด์ นักชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ ระบุว่า โดยธรรมชาติแล้วเชื้อหวัดชนิดต่างๆ แทบจะไม่มีความรุนแรงมากพอที่จะคร่าชีวิตผู้คนในประเทศต่างๆได้เป็นจำนวนมากในคราวเดียวกัน แต่ในกรณีของเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปนนั้น การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นจากการที่บรรดาทหารที่ป่วยและบาดเจ็บจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกลำเลียงส่งกลับไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทวีปยุโรป และดินแดนต่างๆ ทั่วโลก ด้วยสภาพที่แออัดยัดเยียดและไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทำให้เชื้อไข้หวัดใหญ่สเปนกลายพันธุ์ และมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนกลายเป็นภัยร้ายแรงของโลกในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก 20-50 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่มีเพียงประมาณ 9.9 ล้านคนเท่านั้น

เอวัลด์ ระบุว่า การคมนาคมขนส่งของโลกในยุคปัจจุบัน ที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากรวมทั้ง การที่ผู้คนทั่วโลกสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่สามารถลุกลามได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่การเดินทางกลับบ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 เคยเป็นตัวเร่งให้ไข้หวัดใหญ่สเปนแพร่ระบาดลุกลามมาแล้ว

นอกจากนั้น โลน ซิมอนเซน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ได้ออกมาเตือนว่า เขามีความกังวลว่า การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มชะลอตัวลงในขณะนี้อาจเป็นเพียง “ คลื่นลูกแรก ” ของการระบาดครั้งใหญ่เท่านั้น เช่นเดียวกับการกลับมาระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และการกลับมาของโรคระบาดอีกหลายชนิดในปี 1957 และปี 1968

ซิมอนเซนเตือนว่า “ คลื่นลูกที่สอง ” หรือการระบาดรอบใหม่ ของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อาจจะเกิดขึ้นในซีกโลกเหนือในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ และจะมีอันตรายมากกว่าในขณะนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น นานาประเทศจึงไม่ควรประมาทและควรรีบหาทางรับสถานการณ์ หากเกิดการระบาดรอบใหม่ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น