เอเจนซี - ทูตยูเอ็นของเกาหลีเหนือ เมื่อวันจันทร์ (4) เมินคำอ้อนวอนของสหประชาชาติที่หวังเห็นเปียงยางคืนสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย ยุติโครงการนิวเคลียร์ แต่ไม่เปิดทางเสียทีเดียว ระบุพร้อมคืนการเจรจาในบางโอกาส
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ ณ การประชุมเกี่ยวกับสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในปี 1970 ซึ่งเปียงยางถอนตัวออกมาในปี 2003 บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและอิหร่าน คืนสู่โต๊ะเจรจาโปรแกรมนิวเคลียร์ของพวกเขาที่เวลานี้หยุดชะงักลง
อย่างไรก็ตาม ปัก ต๊ก ฮุน ผู้ช่วยทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ ปฏิเสธคำวิงวอนของ บัน โดยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า “เราจะไม่คืนสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย” ที่ประกอบด้วย เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น รัสเซียและสหรัฐอเมริกา
“ตราบใดที่พวกเขาพยายามละเมิดอำนาจอธิปไตยของเรา เราไม่เห็นถึงความจำเป็นใดๆ ความจำเป็นที่ต้องเข้าร่วมโต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย” เขาบอกกับรอยเตอร์รอบนอกการประชุมสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
กระนั้นก็ดี ต่อมา ปัก ตอบคำถามอย่างไม่เฉพาะเจาะจงและมีทีท่าไม่ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ในการคืนสู่โต๊ะเจรจาหากว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่พวกเขาต้องการ
เมื่อถามว่า เปียงยางจะคืนสู่การเจรจาหากว่าสหรัฐฯและชาติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอื่นๆ ระงับพฤติกรรมที่เปียงยางมองว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนือ ปัก ย้ำว่า นโยบายปรปักษ์ต้องสิ้นสุดลง
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ พวกเขาควรเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อประเทศของผม” เขากล่าว “นี่คือประเด็นหลัก”
เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีมติประณามสิ่งที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นโครงการดาวเทียมเพื่อสันติภาพ แต่ทางสหรัฐฯและญี่ปุ่น มองว่ามันคือการทดสอบขีปนาวุธระยะไกล
คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเรียกร้องให้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อเกาหลีเหนือรุนแรงขึ้นและจำกัดการค้ากับเปียงยาง ขึ้นบัญชีดำ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีเหนือสำหรับคอยช่วยเหลือทางการเงินโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของประเทศ
เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันที่ 14 เมษายน ว่า จะไม่เข้าเจรจา 6 ฝ่าย เพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งจะเดินหน้าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อีก เพื่อเป็นการประท้วงที่ยูเอ็นลงมติประณามการยิงจรวดเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา
