เอเชียน วอลล์ สตรีท เจอร์นัล – จีนเรียกร้องนานาชาติอย่าขึ้งโกรธโสมแดงที่เพิ่งส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศ แถมใช้สิทธิวีโต้เมื่อ UNSC จะลงโทษโสมแดง นักวิเคราะห์ระบุ การออกโรงของจีนเป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์ทางการค้ากับโสมแดงที่มีมูลค่าเพิ่มกว่า 2 พันล้านดอลล่าร์ในปีที่แล้ว
กรณีที่เกาหลีเหนือทดลองส่งจรวดพิสัยไกลออกสู่อวกาศ ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ (UNSC) ต้องเรียกประชุมชาติสมาชิกเพื่อหารือเรื่องนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 เม.ย.) แต่จีนที่เป็นหนึ่งในชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง กลับปฏิเสธที่จะวิจารณ์การกระทำของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซ้ำยังใช้สิทธิวีโต้เพื่อป้องกันการลงโทษที่คณะมนตรีความมั่นคงจะมีต่อเกาหลีเหนือด้วย
ขณะที่ นายปาค ต๊ก ฮัน ผู้ช่วยทูตเกาหลีเหนือ ได้ออกมาข่มขู่ว่า หากคณะมนตรีความมั่นคงกระทำการใดๆ เพื่อต่อต้านประเทศของเขา เกาหลีเหนือก็พร้อมที่จะใช้มาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้น
ในการแถลงของเจียง อี๋ว์โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เธอได้แนะนำให้นานาชาติควบคุมอารมณ์และระมัดระวังที่จะตอบโต้กรณีการส่งจรวดของเกาหลีเหนือ และขณะที่หลายๆ ประเทศบอกว่าจรวดที่เกาหลีเหนือส่งออกไปในครั้งนี้ได้ตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิค แต่จีนกลับเชื่อว่าเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมออกสู่อวกาศ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละประเทศในการใช้ประโยชน์จากอวกาศอย่างสันติ เราเห็นว่าคณะมนตรีความมั่นคงควรคิดให้รอบคอบก่อนตอบโต้เรื่องนี้ เพื่อจะได้นำสันติสุขและความมั่นคงมาสู่คาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาคนี้ ตลอดจนนำสันติสุขมาสู่ 6 ชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุ
ด้าน นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประสบการณ์ของเขาน่าจะมีประโยชน์ต่อการจัดการปัญหานี้ ทั้งนี้ โดยปกติแล้วเลขาธิการสหประชาชาติจะไม่อาจเข้าไปแทรกแซงกิจการทางการทูตได้ ยกเว้นจะได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากคณะมนตรีความมั่นคง
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและเกาหลีเหนือเริ่มขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากจีนได้ค้าขายกับเกาหลีเหนือมากขึ้น เมื่อปีที่แล้วมูลค่าการค้าระหว่างจีน-เกาหลีเหนือเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 2,790 ล้านดอลลาร์ (ราว 97,650 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากมูลค่าการส่งออกของจีน
จีนได้กลายเป็นผู้สนับสนุนด้านเศรษฐกิจและการเมืองให้แก่เกาหลีเหนือนับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และเมื่อนานาชาติลดการช่วยเหลือด้านพลังงาน อาหาร และเงินบริจาคแก่เกาหลีเหนือ จีนก็กลายมาเป็นผู้บริจาคหลัก โดยมูลค่าการช่วยเหลือที่จีนมีให้แก่เกาหลีเหนือนั้นได้เพิ่มจาก 100 ล้านดอลลาร์เป็น 200 ล้านดอลลาร์
จีนได้เปลี่ยนสถานะจากผู้บริจาคมาเป็นคู่ค้ากับเกาหลีเหนือนับตั้งแต่ปี 2548 และจีนก็ได้ดุลการค้ามาเรื่อยๆ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็สนับสนุนให้บริษัทของจีนเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การก่อสร้าง และโรงงานผลิตต่างๆ ในเกาหลีเหนือ จนทำให้สินค้าจีนมีวางขายเกลื่อนตามร้านค้าและตลาดของเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนก็ได้ช่วยให้บริษัทแพนด้า อิเลคทรอนิคส์ กรุ๊ป จากเมืองหนันจิง เข้าไปตั้งโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ในเกาหลีเหนือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยร่วมทุนกับบริษัทแตดง ริเวอร์ คอมพิวเตอร์ คอร์ป ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารจากบริษัทของจีนมองว่า การทำธุรกิจในเกาหลีเหนือเป็นเรื่องยาก เพราะต้องเจอปัญหาการนำเงินออกนอกประเทศ และเงินวอนของเกาหลีเหนือก็ไม่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลอื่นได้ ดังนั้น บริษัทแพนด้าจึงต้องนำเงินวอนไปซื้อสินค้าเกษตรในเกาหลีเหนือ และนำสินค้านั้นไปขายในจีนเพื่อจะได้เงินสดมาใช้
นักวิเคราะห์จากจีนมองว่า การเพิ่มกิจกรรมทางธุรกิจกับเกาหลีเหนือ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนต้องการปฏิบัติต่อเกาหลีเหนือเหมือนชาติอื่นๆ ไม่ใช่ประเทศผู้น้องในค่ายคอมมิวนิสต์ที่ต้องแบมือขอความช่วยเหลือเรื่อยไป และทางการจีนยังแอบหวังว่าการลงทุนของจีนจะเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลเกาหลีเหนือเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ เหมือนที่จีนเคยทำมาแล้วในช่วงทศวรรษ 1980
ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายเห็นว่า การที่จีนเพิ่มการค้ากับเกาหลีเหนือ เป็นเพราะไม่ต้องการให้ประเทศเกาหลีเหนือล่มสลาย ไม่เช่นนั้นผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือจะทะลักเข้าจีนทางพรมแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
การเพิ่มอิทธิพลทางธุรกิจ ยังหมายถึงการเพิ่มอิทธิพลทางการเมืองที่จีนมีต่อเกาหลีหนือด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อิล ล้มป่วยลงเมื่อสิงหาคมปีที่แล้วจนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าผู้นำเกาหลีเหนือหายป่วยแล้ว มีขึ้นเมื่อเขาออกมาต้อนรับผู้แทนจากจีนที่เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีของจีน ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นประธานาธิบดีต่อจากนายหู จิ่นเทา ได้เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือและได้พบปะกับ นายคิม จอง อิล และเมื่อมีข่าวว่านายคิมล้มป่วยในเดือนสิงหาคม จีนก็ได้ส่งหมอเพื่อให้เข้าไปดูแลรักษา
สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากกว่าการทดลองส่งจรวดสู่อวกาศ ก็คือห้วงเวลาที่เกาหลีหนือไร้นายคิม จอง อิล กุมบังเหียน ในเวลานั้นบทบาทของจีนในเกาหลีเหนือจะสูงขึ้นและสามารถจัดการผลประโยชน์ได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และนักการทูตสหรัฐฯ ที่มักจะชวนจีนหารือเกี่ยวกับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำต่อจากนายคิม จอง อิล มักจะถูกจีนบอกปัดอยู่เสมอ
หลายปีมาแล้ว การรวมประเทศของเยอรมนีมักถูกหยิกยกมาเป็นแบบอย่างสำหรับการรวมเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลักจากหมดยุคของ คิม จอง อิล แต่ความหวังนี้อาจล้มเหลวเมื่อจีนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเกาหลีเหนือมากขึ้น และยังมีคอนเนคชั่นกับชนชั้นนำในเกาหลีเหนือมากขึ้นด้วย