เอเจนซี - ชาวศรีลังกาที่อพยพหนีตายออกจากเขตสู้รบระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฬ มีจำนวนกว่า 100,000 คนแล้ว จนสหประชาชาติออกมาแถลงวันนี้ (23) ว่า กำลังจะเริ่มเกินกำลังความสามารถของหน่วยบรรเทาทุกข์ที่จะเข้าช่วยเหลือได้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นก็เตือนว่า ผู้คนนับหมื่นที่ยังติดอยู่ในเขตสู้รบ กำลังเผชิญกับสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่งยวด
กองทัพศรีลังกา ระบุว่า คลื่นผู้อพยพที่หลบหนีสงครามอย่างต่อเนื่องมา 4 วัน เริ่มลดจำนวนลงแล้ว โดยมีผู้อพยพกว่า 103,000 คน ที่เดินทางมาถึงบริเวณที่กองทัพยึดพื้นที่ไว้ได้ หลังจากที่ทหารได้ทำลายกำแพงดินที่ทหาร บอกว่า กลุ่มปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (แอลทีทีอี) สร้างสกัดไม่ให้ประชาชนหลบหนี
ถึงแม้มีประชาชนหลบหนีออกมาจำนวนมากแล้วเช่นนี้ แต่เมื่อคืนวันพุธ (22) คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ก็ได้แถลงแสดง “ความวิตกอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่ยังติดอยู่ในเขตยึดครองของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ซึ่งขณะนี้เหลือพื้นที่อยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเลแคบๆ โดยถูกทหารฝ่ายรัฐบาลล้อมไว้ และมุ่งปราบปรามฝ่ายกบฏให้ราบคาบในสงครามที่ยือเยื้อนานที่สุดในเอเชียขณะนี้
กองทัพศรีลังกา ระบุว่า ได้เข้าควบคุมพื้นที่ของฝ่ายกบฏทั้งหมดแล้ว ยกเว้นเพียงพื้นที่อีกเพียง 13 ตารางกิโลเมตร โดย เวลลุพิลไล ประภาการัน ผู้นำและผู้ก่อตั้งกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬยังคงต่อสู้อยู่ในที่มั่นสุดท้ายนี้
ทางด้าน กอร์ดอน เวสส์ โฆษกของสหประชาชาติ ยืนยันว่าตั้งแต่วันจันทร์(20)ที่ผ่านมา มีผู้คนราว 90,000-100,000 คน อพยพออกจากพื้นที่สู้รบ โดยพวกเขาจะไปรวมกับประชาชน 80,000 คนซึ่งไปพำนักตามค่ายผู้ลี้ภัยห่างไกลเขตสู้รบเรียกร้อยแล้ว
“ปัญหาหนักมากตอนนี้ ก็คือ มีคนในค่ายผู้อพยพหนาแน่นมาก และยิ่งวันก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ” เวสส์ กล่าว “คลื่นผู้อพยพจำนวนมหาศาลนี้ทำให้ระบบการให้ความช่วยเหลือรองรับได้ไม่ไหว”
นอกจากนั้น สหประชาชาติยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลศรีลังกาจัดหาสถานที่ใหม่ๆ และจัดเตรียมการเบื้องต้นให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับผู้อพยพที่กำลังไหลทะลักออกมา
ทางด้านโฆษกกองทัพ พลจัตวา อุทยา นานายัครา แถลงว่า การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป โดยทหารกำลังเคลื่อนเข้าไปยังพื้นที่เล็กๆ ซึ่งกบฏยังยึดเอาไว้
**เสียงเตือนจากคณะมนตรีความมั่นคง**
ในวันพุธ ฝรั่งเศสได้ขอให้คณะมนตรีความมั่นคงเปิดประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์อย่างไม่เป็นทางการ เคลาด์ เฮลเลอร์ เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำสหประชาชาติ ระบุภายหลังการประชุมว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีความวิตกอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและชะตากรรมของพลเรือนที่อยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง”
เขาบอกด้วยว่า คณะมนตรีความมั่นคง “ขอประณามอย่างรุนแรง” ต่อกลุ่มแอลทีทีอีที่ไม่ยอมปล่อยตัวพลเรือนออกมา
ทว่า พวกทูตจากชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง ระบุว่า จีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดให้เปิดประชุมอย่างเป็นทางการในเรื่องสงครามในศรีลังกา โดยแสดงความเห็นว่า นี่เป็นประเด็นภายในของชาวศรีลังกา ดังนั้น คณะมนตรีจึงทำได้เพียงจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการ
สหประชาชาติ คาดว่า ยังมีผู้ที่ติดอยู่ในพื้นที่สู้รบอีกหลายหมื่นคนด้วยกัน แต่คณะกรรมการกาชาดสากลระบุว่ามีคนอีกอย่างน้อย 50,000 คน ตกอยู่ในสภาพของ “หายนภัย”
กาชาดสากล บอกด้วยว่า ผู้อพยพต้องเดินเท้าหลบหนีสงครามเป็นเวลาหลายวัน และติดอยู่ในเขตสู้รบซึ่งแทบไม่มีทั้งอาหาร น้ำ และการรักษาพยาบาลใดๆ โดยภาพที่เผยแพร่ออกมาก็จะเห็นผู้คนหอบข้าวของกันเต็มหลัง บางคนก็คอยช่วยพยุงคนเจ็บและคนแก่ มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องคลอดบุตรในรถบัสระหว่างเดินทางไปยังค่ายผู้อพยพด้วย
ดายา มาสเตอร์ อดีตโฆษกของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ เป็นผู้นำระดับสูงที่สุดเวลานี้ที่ยอมมอบตัวและกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้แอลทีทีอีถือว่าการยอมจำนนนั้นถือว่าเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ และประภาการันก็ได้ออกคำสั่งให้ผู้เข้าร่วมขบวนการพกขวดไซยาไนด์ติดตัวไว้ และให้ดื่มฆ่าตัวตายหากถูกจับตัวได้