ชาวอินโดฯออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปคึกคัก

เอเจนซี - ชาวอินโดนีเซียไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันนี้ (9) นับเป็นการเลือกตั้งครั้งทั่วไปเป็นครั้งที่สาม นับตั้งแต่ระบอบเผด็จการซูฮาร์โตล่มสลายในปี 1998 ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดปาปัว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน

คูหาเริ่มเปิดให้ประชาชนมาใช้สิทธิในเวลา 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 05.00 น. ตามเวลาประเทศไทยในจังหวัดปาปัว ทางตะวันออกเป็นแห่งแรก และไล่เปิดไปตามจังหวัดต่างๆในทางตะวันตก ล่าสุดถึงเวลาปิดคูหาแล้ว เมื่อเวลา 12.00 น.หรือเวลา 11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนรอคิวกันอยู่เป็นหางว่าว ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า พวกเขาจะได้ใช้สิทธิ์ต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าผลการเลือกตั้งเบื้องต้นจะออกมาภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการใช้ประชาธิปไตยครั้งใหญ่ โดยมีชาวอินโดนีเซียมากกว่า 170 ล้านคนมีสิทธิ์เลือกตั้ง ขณะที่เศรษฐกิจ งาน และการคอร์รัปชั่นเป็นประเด็นสำคัญระดับต้นๆ ของการเลือกตั้งครั้งนี้

คาดว่า พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน จะได้ที่นั่งในรัฐสภามากที่สุด โดยจะได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้นเป็น 29 เปอร์เซ็นต์ จาก 7.5 เปอร์เซ็นต์ ตามผลการสำรวจล่าสุด ซึ่งจะแผ้วถางทางให้เขา อดีตนายพลนักปฏิรูป ได้ลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีแนวโน้มว่า เขาจะได้เดินหน้านโยบายสนับสนุนการลงทุนเพื่อลดการติดสินบน และการโยกย้ายสถานบันต่างๆ เช่น หน่วยงานยุติธรรม ข้าราชการ และตำรวจ

รายงานข่าวระบุว่า มีพรรคทั้งหมด 38 พรรคร่วมลงเลือกตั้ง แต่ผลการสำรวจระบุว่า มีเพียง 3 พรรคเท่านั้นจะได้ครองเสียงส่วนใหญ่ ได้แก่ พรรคเดโมแครต พรรคพีดีไอ-พีของอดีตประธานาธิบดีเมกะวตี ซูการ์โนบุตรี และพรรคโกลคาร์ของยุคซูฮาร์โต

แต่พรรคเล็กๆ รวมถึงพรรคอิสลามอาจจะลงท้ายด้วยการเป็นผู้นำก็ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า พรรคใดพรรคหนึ่งหรือแนวร่วม ต้องได้เสียงโหวตอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ หรือได้ที่นั่ง 1 ใน 5 ของที่นั่งในรัฐสภา ถึงจะส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 กรกฎาคมได้

การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังถูกมองว่า เป็นการลงประชามติถึงการทำงานของประธานาธิบดียุโธโยโน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเขามาควบคุมปัญหาคอร์รัปชัน และการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของเขา ทั้งนี้ เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และยังเป็นคนแรกที่อยู่จนครบวาระ หลังจากระบอบเผด็จการซูฮาร์โตถูกบีบให้ก้าวลงจากแนาจในปี 1998

ผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้รับเสียงนิยมจากประชาชน 45-52 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลของเขาได้ทำให้เศรษบกิจแข็งแกร่งมากขึ้นและนำเสถียรภาพและสันติภาพกลับมา แต่การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นยังคงเป็นงานยากสำหรับเขา

สำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุฝูงชนบุกโจมตีสถานีตำรวจและอาคารต่างๆ ด้วยธนูและระเบิดเพลิง ในจังหวัดปาปัว และชายาปุระ ตำรวจเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 6 คน ทั้งนี้จังหวัดปาปัวเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาแบ่งแยกดินแดนมานานหลายสิบปีแล้ว