(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Japan takes aim
By Kosuke Takahashi
27/03/2009
ญี่ปุ่นเริ่มกดปุ่มเดินเครื่องเพื่อใช้งานระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธราคาแพงของตนแล้วเมื่อวันศุกร์(27) โดยประกาศว่าไม่ลังเลที่จะทำลายขีปนาวุธใดๆ ซึ่งยิงจากเกาหลีเหนือ ถ้าหากขีปนาวุธดังกล่าว (หรือเศษซากของมัน) ทำท่าจะตกในแดนอาทิตย์อุทัย
โตเกียว – ระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่น ซึ่งมีราคาแพงลิ่วแต่ยังไม่เคยใช้ในสถานการณ์จริงเลย อาจจะได้รับการทดสอบเป็นครั้งแรกในเร็ววันนี้
ท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มทวีขึ้น ในเรื่องซึ่งเกาหลีเหนือวางแผนจะยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ โดยที่ระบุว่าเป็นการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ยาสุคาซุ ฮามาดะ ก็ได้ออกคำสั่งเมื่อวันศุกร์(27) ให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (Japan Self-Defense Force หรือ SDF) ดำเนินการเตรียมพร้อม เพื่อทำลายขีปนาวุธใดๆ ก็ตามที่ยิงมาจากเกาหลีเนือ ถ้าหากมันทำท่าว่ากำลังจะตกลงมาในแดนอาทิตย์อุทัย
เกาหลีเหนือนั้นได้แถลงว่า ตนกำลังตระเตรียมการเพื่อยิงจรวดที่บรรทุกดาวเทียมสื่อสารดวงหนึ่งเข้าสู่วงโคจรในเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 เมษายน โดยโสมแดงอ้างว่าเป็นการใช้อวกาศอย่างสันติ แต่หลายๆ ฝ่ายกลับมองว่ามีความเป็นไปได้ที่การประกาศคราวนี้เป็นเพียงการอำพราง โดยวัตถุประสงค์แท้จริงคือการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่น “แตโปดอง-2” (Taepodong-2) ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย
ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี ทาโร อาโซะ และรัฐมนตรีอาวุโสคนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ฮามาดะก็ได้ออกคำสั่งให้เอสดีเอฟเริ่มกดปุ่มเดินเครื่องระบบป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และให้เข้าสกัดกั้นทำลายขีปนาวุธของเกาหลีเหนือหรือเศษซากใดๆ จากขีปนาวุธดังกล่าว
คำสั่งสกัดกั้นทำลายคราวนี้ อาศัยอำนาจตามวรรคสาม มาตรา 82 (2) ของพระราชบัญญัติเอสดีเอฟ ซึ่งระบุเอาไว้ว่า แม้กระทั่งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีขีปนาวุธหรือจรวดตกลงมาในญี่ปุ่นแล้ว เอสดีเอฟก็สามารถที่จะลงมือปฏิบัติการเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนได้ ครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งลักษณะนี้ครั้งแรกภายหลังที่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติเอสดีเอฟในปี 2005 อีกทั้งเป็นการให้อำนาจอันถูกต้องตามกฎหมาย หากจะยิงขีปนาวุธหรือจรวดนำวิถีที่ทำท่าว่าอาจจะตกลงสู่ดินแดนประเทศญี่ปุ่น
“ไม่ว่ามันจะเป็นการส่งดาวเทียมหรือการทดสอบขีปนาวุธ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยที่จะต้องเห็นมันบินข้ามญี่ปุ่น เรื่องนี้ไม่สมควรเลยที่จะต้องทนแบกรับ” ฮามาดะบอกกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ “ไม่ว่าเกาหลีเหนือมีเจตนารมณ์อย่างไร ผมก็หวังว่าเขาจะยุติการปล่อยจรวด และเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่รัฐบาล [ญี่ปุ่น] จะต้องทำลายมันในกรณี” ซึ่งการยิงตามที่เกาหลีเหนือวางแผนไว้เกิดประสบความล้มเหลว ฮามาดะบอก
ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าภายใต้ข้ออ้างที่ว่ากำลังจะส่งดาวเทียมนั้น แท้ที่จริงเกาหลีเหนือกำลังจะยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อเพิ่มพูนเกียรติภูมิของชาติก่อนหน้าที่สมัชชาประชาชนสูงสุดของโสมแดงจะเริ่มการประชุมในวันที่ 9 เมษายนนี้ ในวันดังกล่าวยังจะเป็นวันครบรอบปีที่ 16 ซึ่ง คิมจองอิล “ผู้นำที่เป็นที่รัก” ก้าวผงาดขึ้นสู่ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารแห่งชาติของเกาหลีเหนือ เปียงยางนั้นวางแผนไว้ว่าจะปล่อยจรวดในระหว่างเวลา 11.00 น.ถึง 16.00 น. ในช่วงวันที่ประกาศเอาไว้
เกาหลีเหนือได้แจ้งต่อองค์การการเดินเรือทะเลระหว่างประเทศ ถึงกำหนดเวลาส่งดาวเทียมของตน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามสร้างความชอบธรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นมา เกาหลีเหนือยังกล่าวย้ำด้วยว่า เนื่องจากครั้งนี้เป็นการส่งดาวเทียม ดังนั้นจะถือว่าใครที่ยิงมันตก เท่ากับเป็นพฤติการณ์ประกาศสงคราม
**ขีปนาวุธแตโปดอง-2แบบ 3 ท่อนจริงหรือ**
มีข่าวลือกันอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารว่า ขีปนาวุธแตโปดอง-2 ที่เกาหลีเหนือกำลังจะยิงทดสอบนี้ จะเป็นเวอร์ชั่นพัฒนาใหม่ที่มีด้วยกัน 3 ท่อน ซึ่งทำให้มีพิสัยทำการไกลถึง 8,000 กิโลเมตร ประเทศจำนวนมากอย่างเช่นสหรัฐฯและเกาหลีใต้ กำลังกังวลว่าหากการทดสอบประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้เปียงยางมีสมรรถนะทางอาวุธในระดับขีปนาวุธข้ามทวีป (Inter-continental ballistic missiles หรือ ICBMs)
ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เดนนิส แบลร์ ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 10 มีนาคมว่า “ถ้ายานส่งสู่อวกาศแบบ 3 ท่อนเกิดทำงานได้ตามแผน มันก็จะไม่เพียงยิงไปถึงอะแลสกาและฮาวายเท่านั้น แต่ยังสามารถไปถึงดินแดนส่วนที่คนฮาวายเรียกว่า ‘แผ่นดินใหญ่’ และชาวอะแลสกาเรียกว่า ‘พวก48มลรัฐที่อยู่ใต้ลงไป’ อีกด้วย” แบลร์ยังกล่าวด้วยว่า เกาหลีเหนืออาจวางแผนจะส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศจริงๆ ดังที่กล่าวอ้างไว้ก็ได้ ทว่าในแง่ของเทคโนโลยีแล้ว มันแยกไม่ออกหรอกระหว่างการส่งดาวเทียมกับการยิงไอซีบีเอ็ม
เมื่อเดือนสิงหาคม 1998 เกาหลีเหนือเคยยิงขีปนาวุธ แตโปดอง-1 ซึ่งเป็นขีปนาวุธแบบ 2 ท่อน เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร แต่ดูเหมือนว่าจะประสบความล้มเหลว สำหรับครั้งนี้ โสมแดงกำลังใช้ แตโปดอง-2 รุ่นที่มีพิสัยทำการไกลที่สุด ถึงแม้ว่าในครั้งแรกซึ่งทดสอบขีปนาวุธรุ่นนี้ในเดือนกรกฎาคม 2006 ก็ลงเอยด้วยความล้มเหลวเช่นเดียวกัน
**ระบบป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่น**
ในการปฏิบัติตามคำสั่งสกัดกั้นทำลายของกระทรวงกลาโหมที่ออกเมื่อวันศุกร์(27) กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่า จะทำลายวัตถุใดๆ ที่กำลังตกลงมาจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยปฏิบัติตามกระบวนการ 2 ขั้นตอน ทั้งในบริเวณเหนือดินแดนญี่ปุ่นและพ้นเลยไปจากดินแดนญี่ปุ่น
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น กำลังส่งเรือพิฆาต 2 ลำ คือ คองโออุ (Kongou) และ โชคาอิ (Chokai) ไปยังทะเลญี่ปุ่น เรือรบทั้ง 2 ลำนี้เป็นเรือพิฆาตติดระบบป้องกันขีปนาวุธ(ballistic missile defense หรือ BMD) แบบ “เอจิส” (Aegis) พร้อมขีปนาวุธรุ่น SM-3 โดยที่ญี่ปุ่นมีเรือรบแบบนี้รวมทั้งสิ้น 6 ลำ นอกจากนั้นเรือพิฆาตติดตั้งระบบเอจิสของญี่ปุ่นอีกลำหนึ่ง ชื่อ คิริชิมะ ยังจะถูกส่งไปยังเขตมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อคอยค้นหาและติดตามวิถีขับเคลื่อนของยานเกาหลีเหนือ และเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยานดังกล่าวเพื่อจำแนกให้ออกว่าเป็นดาวเทียมหรือขีปนาวุธ ทั้งนี้ คิริชิมะ ไม่มีสมรรถนะที่จะยิงสกัดกั้นทำลายยานของโสมแดง
ทางด้านกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น ก็จะโยกย้ายขีปนาวุธสกัดกั้นประเภทยิงจากภาคพื้นดินรุ่น แพทริออต แอดแวนซต์ เคพะบิลิตี้-3 (Patriot Advanced Capability -3 หรือ PAC-3) จากที่ตั้งประจำอยู่ ณ ฐานทัพฮามามัตสึ ในจังหวัดชิสุโอกะ ในปัจจุบัน ไปยังบรรดาฐานทัพของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินในจังหวัดอะคิตะ และจังหวัดอิวาเตะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าหากการทดลองยิงประสบความล้มเหลว เศษซากจรวดก็น่าจะตกในบริเวณแถบนี้
ขีปนาวุธชนิดป้องกันขีปนาวุธ(BMD) รุ่น สแตนดาร์ด มิซไซล์ 3 (Standard Missile-3 หรือ SM-3) สามารถที่จะสกัดกั้นขีปนาวุธข้ามทวีป ณ ระดับความสูงเหนือพื้นดินประมาณ 100 กิโลเมตร ส่วน PAC-3 มีรัศมีทำการราว 20 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้ PAC-3 ที่ทำการยิงจากภาคพื้นดิน จึงทำหน้าที่รับผิดชอบขอบเขตระนาบต่ำลงมาของโล่ป้องกันของญี่ปุ่น และได้รับการออกแบบให้คอยสกัดกั้นขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามา ซึ่ง SM-3 ล้มเหลวไม่อาจขัดขวางได้
ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว อำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้าของประเทศหนึ่งๆ จะอยู่เพียงประมาณ 100 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล อันเป็นอาณาเขตรอยต่อระหว่างบรรยากาศของโลกกับอวกาศ จรวดของเกาหลีเหนือนั้นสามารถขึ้นสู่ท้องฟ้าในระดับความสูง 1,000 กิโลเมตร เรื่องนี้จึงทำให้ยากที่โตเกียวจะอ้างได้ว่าถูกล่วงละเมิดน่านฟ้าจากยานของเปียงยาง ถ้าหากขีปนาวุธนั้นบินข้ามภาคเหนือของญี่ปุ่นเหนือระดับชั้นบรรยากาศ
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นนั้น เคยทำการยิงทดสอบการสกัดกั้นขีปนาวุธของ SM-3 มาแล้ว 2 ครั้ง โดยผลลัพธ์ออกมามีทั้งประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งนี้การยิงทดสอบครั้งแรกโดยเรือพิฆาต คองโออุ ในเดือนธันวาคม 2007 ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเป็นอันดี ทว่าการทดสอบครั้งที่สองจากเรือโชคาอิ ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กลับไม่สามารถยิงถูกขีปนาวุธจำลองได้ ขณะเดียวกัน ขีปนาวุธ PAC-3 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นขีปนาวุธทางยุทธวิธีที่เป็นเป้าหมาย ในการทดสอบครั้งแรกซึ่งกระทำกันที่สนามทดสอบในมลรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐฯเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน
**เกมวัดใจ**
ญี่ปุ่นใช้เงินงบประมาณถึง 662,300 ล้านเยน (6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในการติดตั้งประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธของตน โดยที่เป็นการใช้เงินงบประมาณในช่วงระหว่างปีงบประมาณ 2004 ถึง 2008 ในจำนวนนี้เป็นการใช้จ่ายสำหรับขีปนาวุธ PAC-3 ในราว 40,300 ล้านเยน
ถ้าหากล้มเหลวไม่สามารถสกัดกั้นเศษซากใดๆ จากจรวดหรือขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเลย แน่นอนว่าจะต้องสร้างความผิดหวังให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่คณะรัฐบาลอาโซะซึ่งก็กำลังสูญเสียคะแนนนิยมและถูกกระหน่ำโจมตีไม่ขาดสายอยู่แล้ว
สำหรับเกาหลีเหนือนั้น ความล้มเหลวในการทดสอบยิงเช่นนี้ ย่อมหมายถึงความอับอายเสียหน้า และการสูญโอกาสที่จะให้ระบอบปกครองนี้ใช้ความสำเร็จ “อันรุ่งโรจน์” ในอวกาศ มาปลุกระดมประชาชน อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้จะเกิดความล้มเหลวขึ้นมาจริงๆ ประชาชนสามัญธรรมดาชาวโสมแดงก็คงจะไม่มีโอกาสรับทราบอยู่ดี
“ถ้าเกิดความล้มเหลวขึ้นมา คงจะต้องมีใครบางคนถูกคิมจองอิลสั่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอกันบ้างแหละ” โตชิยูกิ ชิคาตะ นักวิเคราะห์ด้านการทหารชาวญี่ปุ่นบอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ “แต่สำหรับในญี่ปุ่นนั้น ไม่มีใครจะถูกประหารด้วยการแขวนคอหรอก ถึงแม้จะเกิดความล้มเหลว นี่เป็นเกมวัดใจที่พลาดไม่ได้ของเกาหลีเหนือ แต่สำหรับเรามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย”
โคสุเกะ ทาเคฮาชิ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พำนักอยู่ในกรุงโตเกียว นอกจากเขียนให้เอเชียไทมส์ออนไลน์แล้ว เขายังเขียนให้กับนิตยสาร แจนส์ ดีเฟนซ์ วีกลี่ ในฐานะผู้สื่อข่าวประจำโตเกียว สามารถติดต่อเขาได้ที่ letters@kosuke.net
Japan takes aim
By Kosuke Takahashi
27/03/2009
ญี่ปุ่นเริ่มกดปุ่มเดินเครื่องเพื่อใช้งานระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธราคาแพงของตนแล้วเมื่อวันศุกร์(27) โดยประกาศว่าไม่ลังเลที่จะทำลายขีปนาวุธใดๆ ซึ่งยิงจากเกาหลีเหนือ ถ้าหากขีปนาวุธดังกล่าว (หรือเศษซากของมัน) ทำท่าจะตกในแดนอาทิตย์อุทัย
โตเกียว – ระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่น ซึ่งมีราคาแพงลิ่วแต่ยังไม่เคยใช้ในสถานการณ์จริงเลย อาจจะได้รับการทดสอบเป็นครั้งแรกในเร็ววันนี้
ท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มทวีขึ้น ในเรื่องซึ่งเกาหลีเหนือวางแผนจะยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ โดยที่ระบุว่าเป็นการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ยาสุคาซุ ฮามาดะ ก็ได้ออกคำสั่งเมื่อวันศุกร์(27) ให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (Japan Self-Defense Force หรือ SDF) ดำเนินการเตรียมพร้อม เพื่อทำลายขีปนาวุธใดๆ ก็ตามที่ยิงมาจากเกาหลีเนือ ถ้าหากมันทำท่าว่ากำลังจะตกลงมาในแดนอาทิตย์อุทัย
เกาหลีเหนือนั้นได้แถลงว่า ตนกำลังตระเตรียมการเพื่อยิงจรวดที่บรรทุกดาวเทียมสื่อสารดวงหนึ่งเข้าสู่วงโคจรในเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 เมษายน โดยโสมแดงอ้างว่าเป็นการใช้อวกาศอย่างสันติ แต่หลายๆ ฝ่ายกลับมองว่ามีความเป็นไปได้ที่การประกาศคราวนี้เป็นเพียงการอำพราง โดยวัตถุประสงค์แท้จริงคือการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่น “แตโปดอง-2” (Taepodong-2) ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย
ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี ทาโร อาโซะ และรัฐมนตรีอาวุโสคนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ฮามาดะก็ได้ออกคำสั่งให้เอสดีเอฟเริ่มกดปุ่มเดินเครื่องระบบป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และให้เข้าสกัดกั้นทำลายขีปนาวุธของเกาหลีเหนือหรือเศษซากใดๆ จากขีปนาวุธดังกล่าว
คำสั่งสกัดกั้นทำลายคราวนี้ อาศัยอำนาจตามวรรคสาม มาตรา 82 (2) ของพระราชบัญญัติเอสดีเอฟ ซึ่งระบุเอาไว้ว่า แม้กระทั่งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีขีปนาวุธหรือจรวดตกลงมาในญี่ปุ่นแล้ว เอสดีเอฟก็สามารถที่จะลงมือปฏิบัติการเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนได้ ครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งลักษณะนี้ครั้งแรกภายหลังที่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติเอสดีเอฟในปี 2005 อีกทั้งเป็นการให้อำนาจอันถูกต้องตามกฎหมาย หากจะยิงขีปนาวุธหรือจรวดนำวิถีที่ทำท่าว่าอาจจะตกลงสู่ดินแดนประเทศญี่ปุ่น
“ไม่ว่ามันจะเป็นการส่งดาวเทียมหรือการทดสอบขีปนาวุธ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยที่จะต้องเห็นมันบินข้ามญี่ปุ่น เรื่องนี้ไม่สมควรเลยที่จะต้องทนแบกรับ” ฮามาดะบอกกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ “ไม่ว่าเกาหลีเหนือมีเจตนารมณ์อย่างไร ผมก็หวังว่าเขาจะยุติการปล่อยจรวด และเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่รัฐบาล [ญี่ปุ่น] จะต้องทำลายมันในกรณี” ซึ่งการยิงตามที่เกาหลีเหนือวางแผนไว้เกิดประสบความล้มเหลว ฮามาดะบอก
ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าภายใต้ข้ออ้างที่ว่ากำลังจะส่งดาวเทียมนั้น แท้ที่จริงเกาหลีเหนือกำลังจะยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อเพิ่มพูนเกียรติภูมิของชาติก่อนหน้าที่สมัชชาประชาชนสูงสุดของโสมแดงจะเริ่มการประชุมในวันที่ 9 เมษายนนี้ ในวันดังกล่าวยังจะเป็นวันครบรอบปีที่ 16 ซึ่ง คิมจองอิล “ผู้นำที่เป็นที่รัก” ก้าวผงาดขึ้นสู่ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารแห่งชาติของเกาหลีเหนือ เปียงยางนั้นวางแผนไว้ว่าจะปล่อยจรวดในระหว่างเวลา 11.00 น.ถึง 16.00 น. ในช่วงวันที่ประกาศเอาไว้
เกาหลีเหนือได้แจ้งต่อองค์การการเดินเรือทะเลระหว่างประเทศ ถึงกำหนดเวลาส่งดาวเทียมของตน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามสร้างความชอบธรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นมา เกาหลีเหนือยังกล่าวย้ำด้วยว่า เนื่องจากครั้งนี้เป็นการส่งดาวเทียม ดังนั้นจะถือว่าใครที่ยิงมันตก เท่ากับเป็นพฤติการณ์ประกาศสงคราม
**ขีปนาวุธแตโปดอง-2แบบ 3 ท่อนจริงหรือ**
มีข่าวลือกันอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารว่า ขีปนาวุธแตโปดอง-2 ที่เกาหลีเหนือกำลังจะยิงทดสอบนี้ จะเป็นเวอร์ชั่นพัฒนาใหม่ที่มีด้วยกัน 3 ท่อน ซึ่งทำให้มีพิสัยทำการไกลถึง 8,000 กิโลเมตร ประเทศจำนวนมากอย่างเช่นสหรัฐฯและเกาหลีใต้ กำลังกังวลว่าหากการทดสอบประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้เปียงยางมีสมรรถนะทางอาวุธในระดับขีปนาวุธข้ามทวีป (Inter-continental ballistic missiles หรือ ICBMs)
ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เดนนิส แบลร์ ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 10 มีนาคมว่า “ถ้ายานส่งสู่อวกาศแบบ 3 ท่อนเกิดทำงานได้ตามแผน มันก็จะไม่เพียงยิงไปถึงอะแลสกาและฮาวายเท่านั้น แต่ยังสามารถไปถึงดินแดนส่วนที่คนฮาวายเรียกว่า ‘แผ่นดินใหญ่’ และชาวอะแลสกาเรียกว่า ‘พวก48มลรัฐที่อยู่ใต้ลงไป’ อีกด้วย” แบลร์ยังกล่าวด้วยว่า เกาหลีเหนืออาจวางแผนจะส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศจริงๆ ดังที่กล่าวอ้างไว้ก็ได้ ทว่าในแง่ของเทคโนโลยีแล้ว มันแยกไม่ออกหรอกระหว่างการส่งดาวเทียมกับการยิงไอซีบีเอ็ม
เมื่อเดือนสิงหาคม 1998 เกาหลีเหนือเคยยิงขีปนาวุธ แตโปดอง-1 ซึ่งเป็นขีปนาวุธแบบ 2 ท่อน เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร แต่ดูเหมือนว่าจะประสบความล้มเหลว สำหรับครั้งนี้ โสมแดงกำลังใช้ แตโปดอง-2 รุ่นที่มีพิสัยทำการไกลที่สุด ถึงแม้ว่าในครั้งแรกซึ่งทดสอบขีปนาวุธรุ่นนี้ในเดือนกรกฎาคม 2006 ก็ลงเอยด้วยความล้มเหลวเช่นเดียวกัน
**ระบบป้องกันขีปนาวุธของญี่ปุ่น**
ในการปฏิบัติตามคำสั่งสกัดกั้นทำลายของกระทรวงกลาโหมที่ออกเมื่อวันศุกร์(27) กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่า จะทำลายวัตถุใดๆ ที่กำลังตกลงมาจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยปฏิบัติตามกระบวนการ 2 ขั้นตอน ทั้งในบริเวณเหนือดินแดนญี่ปุ่นและพ้นเลยไปจากดินแดนญี่ปุ่น
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น กำลังส่งเรือพิฆาต 2 ลำ คือ คองโออุ (Kongou) และ โชคาอิ (Chokai) ไปยังทะเลญี่ปุ่น เรือรบทั้ง 2 ลำนี้เป็นเรือพิฆาตติดระบบป้องกันขีปนาวุธ(ballistic missile defense หรือ BMD) แบบ “เอจิส” (Aegis) พร้อมขีปนาวุธรุ่น SM-3 โดยที่ญี่ปุ่นมีเรือรบแบบนี้รวมทั้งสิ้น 6 ลำ นอกจากนั้นเรือพิฆาตติดตั้งระบบเอจิสของญี่ปุ่นอีกลำหนึ่ง ชื่อ คิริชิมะ ยังจะถูกส่งไปยังเขตมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อคอยค้นหาและติดตามวิถีขับเคลื่อนของยานเกาหลีเหนือ และเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยานดังกล่าวเพื่อจำแนกให้ออกว่าเป็นดาวเทียมหรือขีปนาวุธ ทั้งนี้ คิริชิมะ ไม่มีสมรรถนะที่จะยิงสกัดกั้นทำลายยานของโสมแดง
ทางด้านกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น ก็จะโยกย้ายขีปนาวุธสกัดกั้นประเภทยิงจากภาคพื้นดินรุ่น แพทริออต แอดแวนซต์ เคพะบิลิตี้-3 (Patriot Advanced Capability -3 หรือ PAC-3) จากที่ตั้งประจำอยู่ ณ ฐานทัพฮามามัตสึ ในจังหวัดชิสุโอกะ ในปัจจุบัน ไปยังบรรดาฐานทัพของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินในจังหวัดอะคิตะ และจังหวัดอิวาเตะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าหากการทดลองยิงประสบความล้มเหลว เศษซากจรวดก็น่าจะตกในบริเวณแถบนี้
ขีปนาวุธชนิดป้องกันขีปนาวุธ(BMD) รุ่น สแตนดาร์ด มิซไซล์ 3 (Standard Missile-3 หรือ SM-3) สามารถที่จะสกัดกั้นขีปนาวุธข้ามทวีป ณ ระดับความสูงเหนือพื้นดินประมาณ 100 กิโลเมตร ส่วน PAC-3 มีรัศมีทำการราว 20 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้ PAC-3 ที่ทำการยิงจากภาคพื้นดิน จึงทำหน้าที่รับผิดชอบขอบเขตระนาบต่ำลงมาของโล่ป้องกันของญี่ปุ่น และได้รับการออกแบบให้คอยสกัดกั้นขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามา ซึ่ง SM-3 ล้มเหลวไม่อาจขัดขวางได้
ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว อำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้าของประเทศหนึ่งๆ จะอยู่เพียงประมาณ 100 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล อันเป็นอาณาเขตรอยต่อระหว่างบรรยากาศของโลกกับอวกาศ จรวดของเกาหลีเหนือนั้นสามารถขึ้นสู่ท้องฟ้าในระดับความสูง 1,000 กิโลเมตร เรื่องนี้จึงทำให้ยากที่โตเกียวจะอ้างได้ว่าถูกล่วงละเมิดน่านฟ้าจากยานของเปียงยาง ถ้าหากขีปนาวุธนั้นบินข้ามภาคเหนือของญี่ปุ่นเหนือระดับชั้นบรรยากาศ
กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นนั้น เคยทำการยิงทดสอบการสกัดกั้นขีปนาวุธของ SM-3 มาแล้ว 2 ครั้ง โดยผลลัพธ์ออกมามีทั้งประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งนี้การยิงทดสอบครั้งแรกโดยเรือพิฆาต คองโออุ ในเดือนธันวาคม 2007 ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเป็นอันดี ทว่าการทดสอบครั้งที่สองจากเรือโชคาอิ ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กลับไม่สามารถยิงถูกขีปนาวุธจำลองได้ ขณะเดียวกัน ขีปนาวุธ PAC-3 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นขีปนาวุธทางยุทธวิธีที่เป็นเป้าหมาย ในการทดสอบครั้งแรกซึ่งกระทำกันที่สนามทดสอบในมลรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐฯเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน
**เกมวัดใจ**
ญี่ปุ่นใช้เงินงบประมาณถึง 662,300 ล้านเยน (6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในการติดตั้งประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธของตน โดยที่เป็นการใช้เงินงบประมาณในช่วงระหว่างปีงบประมาณ 2004 ถึง 2008 ในจำนวนนี้เป็นการใช้จ่ายสำหรับขีปนาวุธ PAC-3 ในราว 40,300 ล้านเยน
ถ้าหากล้มเหลวไม่สามารถสกัดกั้นเศษซากใดๆ จากจรวดหรือขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเลย แน่นอนว่าจะต้องสร้างความผิดหวังให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่คณะรัฐบาลอาโซะซึ่งก็กำลังสูญเสียคะแนนนิยมและถูกกระหน่ำโจมตีไม่ขาดสายอยู่แล้ว
สำหรับเกาหลีเหนือนั้น ความล้มเหลวในการทดสอบยิงเช่นนี้ ย่อมหมายถึงความอับอายเสียหน้า และการสูญโอกาสที่จะให้ระบอบปกครองนี้ใช้ความสำเร็จ “อันรุ่งโรจน์” ในอวกาศ มาปลุกระดมประชาชน อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้จะเกิดความล้มเหลวขึ้นมาจริงๆ ประชาชนสามัญธรรมดาชาวโสมแดงก็คงจะไม่มีโอกาสรับทราบอยู่ดี
“ถ้าเกิดความล้มเหลวขึ้นมา คงจะต้องมีใครบางคนถูกคิมจองอิลสั่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอกันบ้างแหละ” โตชิยูกิ ชิคาตะ นักวิเคราะห์ด้านการทหารชาวญี่ปุ่นบอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ “แต่สำหรับในญี่ปุ่นนั้น ไม่มีใครจะถูกประหารด้วยการแขวนคอหรอก ถึงแม้จะเกิดความล้มเหลว นี่เป็นเกมวัดใจที่พลาดไม่ได้ของเกาหลีเหนือ แต่สำหรับเรามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย”
โคสุเกะ ทาเคฮาชิ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พำนักอยู่ในกรุงโตเกียว นอกจากเขียนให้เอเชียไทมส์ออนไลน์แล้ว เขายังเขียนให้กับนิตยสาร แจนส์ ดีเฟนซ์ วีกลี่ ในฐานะผู้สื่อข่าวประจำโตเกียว สามารถติดต่อเขาได้ที่ letters@kosuke.net