เอเอฟพี - ชาวเกาหลีเหนือราว 6.9 ล้านคน ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านอาหารที่พวกเขาจำเป็นจะต้องได้รับ รายงานต่อองค์การสหประชาชาติเมื่อวันวานนี้ (16) ระบุ ทั้งยังเรียกร้องให้มีมาตรการเชิงรุกเพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในแดนโสมแดงด้วย
“ราว 8.7 ล้านคนอยู่ในภาวะไม่มั่นคงทางอาหาร ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ” รายงานของวิธิต มันตาร์ภรณ์ ผู้เขียนรายงานพิเศษว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือระบุ
“อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นของปี 2009 มีเพียง 1.8 ล้านคนเท่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือทางอาหาร ซึ่งเป็นเพราะความขาดแคลนด้านทรัพยากรอย่างรุนแรง”
รายงานฉบับนี้ ซึ่งเสนอต่อสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ได้รับจากรัฐบาล สมาคมด้านพลเรือน และหน่วยงานของสหประชาชาติ ในขณะที่ทางการเกาหลีเหนือปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับผู้เขียน
“แม้ว่าสถานการร์เข้าถึงอาหารจะร้ายแรงมาก ยังมีพัฒนาการที่ไร้สำนึกซึ่งเกี่ยวข้องกับทัศนคติในทางลบจากรัฐบาลต่อประชากรโดยทั่วไป” มันตาร์ภรณ์ กล่าว
สิ่งนี้รวมถึงความเคลื่อนไหวของทางการโสมแดงที่ห้ามการขายข้าวในตลาด จำกัดผู้หญิงต่ำอายุกว่า 49 จากการค้าขาย รวมทั้งบังคับให้ชาวนาจัดหาอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่กองทัพ
มันตาร์ภรณ์ ระบุว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือโดยรวมแล้ว “เลวร้ายและสิ้นหวัง”
“เมื่อถึงจุดสูงสุดก็มีระบอบที่กดขี่ มุ่งไปสู่การเอาชีวิตรอด ภายใต้ระบอบนี้ คนทั่วๆ ไปเผชิญกับความทรมานที่ยากจะทนและไม่มีที่สิ้นสุด” เขากล่าว
เขายังได้เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติใช้มาตรการเชิงรุกกว่านี้ เพื่อช่วยปกป้องผู้คนในเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับความรุนแรงและการละเมิด ซึ่งทำให้ชาวเกาหลีเหนือทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด