เอเอฟพี - นายบิล เกตส์ มหาเศรษฐีสหรัฐฯ กลับคืนสู่บัลลังก์บุคคลรวยที่สุดในโลกของนิตยสารฟอร์บส์อีกครั้ง จากการประกาศเมื่อวันพุธ (11) ในปีที่แม้แต่ผู้มั่งคั่งทั้งหลายสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
การจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีโลกประจำปีนี้ มีผู้ติดอันดับเข้ามา 793 คน -- ลดลงจาก 1,125 คนในปี 2008 -- และมูลค่าทรัพย์สินรวมดิ่งลงจาก 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ เท่านั้น
“ข่าวใหญ่ในวันนี้ คือ ยังคงมีมหาเศรษฐีอยู่” มอนีย์ เบกลีย์ โฆษกของฟอร์บส์ ปล่อยมุกระหว่างแถลงข่าว
ส่วนอันดับอภิมหาเศรษฐีโลกในปีนี้ นายบิล เกตส์ กลับมานั่งแทนหมายเลข 1 อีกครั้ง ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ว่าเขาจะสูญเสียทรัพย์สินไปราว 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
แชมป์เก่าเศรษฐีหุ้นวัย 77 ปีชาวอเมริกัน นายวอร์เรน บัฟเฟต์ หล่นมาอยู่อันดับ 2 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้จะสูญเสียทรัพย์สินกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมาไปกับหุ้นเบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ของเขา
ขณะที่อีกหนึ่งอภิมหาเศรษฐีที่สูญเสียมูลค่าทรัพย์สินเมื่อปีที่ผ่านมา 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นเดียวกัน นายคาร์ลอส สลิม เจ้าพ่อโทรคมนาคมเม็กซิกัน รั้งอันดับ 3 มีทรัพย์สิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้วยคลื่นลมทางเศรษฐกิจทำให้อภิมหาเศรษฐีสหรัฐฯ ลดลง แต่มีผู้มั่งคั่งจากอินเดีย รัสเซียและตุรกี เข้ามาแทนที่
อย่างไรก็ตาม ใน 20 อันดับแรก อภิมหาเศรษฐีสหรัฐฯ ยังติดอยู่ถึง 10 คน และนิวยอร์ก ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของเมืองที่มีผู้มั่งคั่งมากที่สุด แทน มอสโก ที่หล่นไปอยู่อันดับ 3 โดยอันดับ 2 ตกเป็นของลอนดอน
ส่วนอินเดียกลายเป็นประเทศที่ต้องสูญเสียบุคคลที่เคยติดอันดับมหาเศรษฐีโลกลงไปกว่าครึ่ง จากเดิมที่มีถึง 53 คน เหลือเพียง 24 คน และมีเพียง 2 คนที่ติด 20 อันดับแรก ในจำนวนนั้นคือนายลักษมี มิต ตาล จากอินเดีย ที่เหลือทรัพย์สินเพียง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังสูญเสียมูลค่าสินทรัพย์ไปถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปเมื่อปีที่ผ่านมา
ด้านตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลกปีนี้ตกเป็นของเจ้าชายอัลเบิร์ต วอน เธิร์น อุนด์ ทาซิส แห่งเยอรมนี พระชนมายุ 25 พรรษา ด้วยทรัพย์สิน 2.1 พันล้านดอลลาร์ ส่วน มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟคบุ๊ค ซึ่งครองตำแหน่งนี้เมื่อปีก่อน ไม่ติดอันดับแต่อย่างใด
