เอเจนซี- พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องในวันจันทร์ (9) ให้รัฐบาลประเทศต่างๆ เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทว่าชาติยุโรปกลับไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการเปิดเผยให้เห็นความแตกแยก ตั้งแต่ก่อนหน้าการประชุมระดับผู้นำกลุ่ม จี 20 อันประกอบด้วยประเทศร่ำรวยที่สุดและประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ ในต้นเดือนหน้านี้เสียอีก
กลุ่มจี20 มีกำหนดนัดหมายจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีคลังในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อวางกรอบโครงของการประชุมระดับสุดยอด ณ กรุงลอนดอน ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 2 เมษายน โดยพวกผู้นำทั้งหลายต่างก็หวังที่จะประสานความร่วมมือกันในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังแผ่ขยายตัวรุนแรง
"สิ่งที่เรากำลังดำเนินการเพิ่มเติมในหลายสัปดาห์มานี้ มากมายกว่าที่ประเทศอื่นๆ ทำมาเป็นปีๆ เสียอีก" ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯระบุ หลังจากเข้าสรุปเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการสร้างเสถียรภาพทางการเงินของรัฐบาลให้พวกสมาชิกรัฐสภารับฟัง
ท่าทีดังกล่าวยังเสริมรับกับข้อเรียกร้องของลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส์ ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ว่ารัฐบาลของประเทศต่างๆ ควรอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ฉบับวันจันทร์ว่า "จุดมุ่งเน้นในด้านเศรษฐกิจมหภาคที่ถูกต้องของกลุ่ม จี20 ก็คือเรื่องของอุปสงค์ของทั่วโลก และตอนนี้โลกทั้งโลกต้องเพิ่มอุปสงค์ให้มากขึ้นกว่าเดิม"
ทว่า ฌอง คล็อด จุงเคอร์ ประธานที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ปฏิเสธความเห็นที่ว่านโยบายด้านงบประมาณของรัฐบาลในยุโรปยังไม่เป็นไปในเชิงรุกมากพอ
"รัฐมนตรีคลังทั้ง 16 ประเทศ(ของยูโรโซน)เห็นพ้องกันว่า ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ต้องการให้ยุโรปเพิ่มมาตรการด้านงบประมาณให้มากขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่เราไม่เห็นด้วย เนื่องจากเรายังไม่พร้อมที่จะขยายแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากที่เราได้ดำเนินการไปแล้ว และเราเห็นว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจใช้มาตรการอื่นมากกว่านี้" เขาบอก
เพียร์ สไตน์บรึค รัฐมนตรีคลังเยอรมันก็แสดงความเห็นในทำนองเดียวกับจุงเคอร์ว่า "เราจะไม่คุยเรื่องมาตรการเพิ่มเติมอื่นๆ"
ทั้งนี้ พวกรัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรโซนมีกำหนดประชุมหารือกันในวันจันทร์ (9) ที่กรุงบรัสเซลส์ ก่อนจะมีการหารือเพิ่มเติมกับรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปทั้งหมด 27 ประเทศในวันอังคาร
เอกสารที่คาดว่ารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปจะลงนามในครั้งนี้คือการกำหนดจุดยืนในการประชุมกลุ่ม จี20 และแถลงท่าทีที่ชัดเจนของยุโรปว่าได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านงบประมาณเพียงพอแล้ว และสิ่งที่จะพิจารณาต่อไปก็คือการนำมาตรการต่างๆ ออกมาใช้อย่างรวดเร็วและด้วยแนวทางที่ประสานสอดคล้องกัน
"การประสานงานของประเทศต่างๆ ในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านงบประมาณเป็นกุญแจสำคัญ" ข้อความในเอกสารระบุ
การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบปีงบประมาณ 2009-2010 ของสหภาพยุโรปนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ราว 3-4 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ส่วนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์ของโอบามานั้นก็เป็นแผนในปีงบประมาณ 2009-2010 เช่นกัน โดยคิดเป็นราว 5.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาโต้รายงานในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ที่ว่าเกิดความไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับประเด็นหลักของการประชุมกลุ่ม จี20
เขากล่าวว่า"ผมไม่คิดว่ามีความแตกแยกใดๆ ระหว่างข้อเรียกร้องให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นของทางการสหรัฐฯ กับความต้องการของยุโรปที่จะให้การประชุม จี20เน้นไปที่การเพิ่มมาตรการการกำกับดูแล(ระบบการเงิน)" ทั้งนี้กิบส์ระบุว่าทั้งเรื่องนโยบายงบประมาณและการปฏิรูปการกำกับดูแลภาคการเงิน ล้วนเป็นวาระของประธานาธิบดีโอบามาเช่นกัน