เอเจนซี - ราคาน้ำมันกระโดดแรงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ขยับขึ้นไปเหนือ 42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพุธ (25) หลังจากรายงานรัฐบาลสหรัฐฯเผยถึงสต๊อกน้ำมันเบนซินลดฮวบฮาบในชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ขยับขึ้น 1.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่ดีดตัวแรงมีขึ้นตามหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยข้อมูลว่าอุปสงค์ทางพลังงานในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้เพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ เหนือช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์
“การเคลื่อนตัวอย่างแรงในเบนซิน อุปสงค์เพิ่มขึ้นและโรงกลั่นเดินเครื่องต่ำกว่าคาดหมาย อุปสงค์กำลังกลับมา” ทอม เบนต์ซ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพีพาริบาสคอมมูดิตีฟิวเจอร์สกล่าว
จากข้อมูลของอีไอเอระบุว่าคลังน้ำมันเบนซินสำรองร่วงลง 3.4 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรล
น้ำมันสามารถปรับตัวขึ้นได้ท่ามกลางการดิ่งลงของตลาดทุน ด้วยหุ้นยุโรปทำสถิติร่วงแตะระดับต่ำสุดรอบ 6 ปีครั้งใหม่ เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ ที่กลับทรุดตัวลงหลังคำกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสครั้งแรกของโอบามาถึงแผนสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจและค้ำจุนธนาคารไม่อาจฉุดรั้งตลาดได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบหลังมีการเปิดเผยข้อมูลว่ายอดขายบ้านมือสองดิ่งลงในเดือนมกราคม แถมราคาบ้านมือสองยังแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 79.97 จุด (1.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,270.97 จุด เอสแอนด์พี ร่วงลง 8.22 จุด (1.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 764.92 จุด และ แนสแดก ลดลง 16.40 จุด (3.90 เปอร์เซ็นต) ปิดที่ 1,425.43 จุด