xs
xsm
sm
md
lg

รวมแผนกระตุ้นศก.USเสร็จแล้ว คาดวุฒิฯ-สภาล่างยอมผ่านฉลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ
เอเจนซี - ตัวแทนเจรจาของวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกันได้แล้วเมื่อวันพุธ(11) ในการรวมร่างกฎหมายแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลายเป็นฉบับเดียวกัน โดยที่ร่างล่าสุดนี้ซึ่งทั้งในส่วนของการสร้างงานภาครัฐและการลดภาษีมีมูลค่ารวม 789,000 ล้านดอลลาร์ กำหนดส่งกลับไปให้สภาทั้งสองลงมติขั้นสุดท้ายภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาติดขัดอะไรอีก และเท่ากับว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ชัยชนะเสียที ในการผลักดันสิ่งที่เขาระบุว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการดึงเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอยอย่างดิ่งเหว

ในที่สุดตัวแทนเจรจาทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐฯ ก็สามารถประนีประนอมกันได้ในรายละเอียดของแผน ส่วนที่ว่าด้วยการลดการขาดดุลงบประมาณให้แก่มลรัฐต่างๆ และการนำเงินไปปรับปรุงโรงเรียนตามที่โอบามาเรียกร้องผลักดัน

ทั้งนี้ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลดังกล่าวนี้ มีเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอยที่กำลังเกิดขึ้น แต่ยังจะต้องรอการลงมติรับรองขั้นสุดท้ายจากสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี(12) และอาจส่งต่อให้วุฒิสภาซึ่งอาจลงมติในเย็นวันเดียวกัน หรือไม่ก็เป็นวันศุกร์(13)

ด้านโอบามากล่าวว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยไม่ให้คนอเมริกันต้องตกงานเพิ่มขึ้นและสร้างงานใหม่ด้วย อีกทั้ง "จะทำให้เศรษฐกิจของเรากลับเข้าร่องเข้ารอยเสียที"

ในช่วงแรกๆ นั้น โอบามาดูจะคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากพรรคการเมืองทั้งสอง แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับถูกพรรครีพับลิกันสกัดแผนการดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่ารัฐบาลควรมุ่งเน้นไปที่การลดภาษี มากกว่าการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการปรับปรุงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเสียใหม่แล้ว โอบามาก็ยืนยันว่า "นี่คือแผนที่จะลดภาระภาษีให้กับครอบครัวชาวอเมริกันและธุรกิจในทันที ขณะเดียวกันจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในด้านการรักษาพยาบาล การศึกษา พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อไปได้อีก" มิฉะนั้นแล้วสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะนับจากเดือนธันวาคม 2007 สหรัฐฯ มีการปลดคนงานไปราว 3.6 ล้านคนแล้ว

โอบามาอ้างด้วยว่า ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรกลขนาดหนัก "คาเตอร์พิลลาร์" จะจ้างคนงานที่ปลดออกไป 20,000 คนกลับเข้าทำงานใหม่หากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการรับรองแล้วา

ผู้ช่วยในวุฒิสภาคนหนึ่งบอกว่า ราว 36 เปอร์เซ็นต์ของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่จะเป็นเรื่องของการลดภาษี ส่วนที่เหลือเป็นการใช้จ่ายภาครัฐ

แผนการคราวนี้ซึ่งถือเป็นงบใช้จ่ายฉุกเฉินที่มีขนาดมหึมายิ่งนี้ ย่อมจะต้องไปเพิ่มยอดการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งเวลานี้ก็กำลังพุ่งพรวดถึงขั้นเกินกว่าการควบคุมไปแล้ว โดยกระทรวงการคลังระบุในวันพุธ (11) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณแค่ในรอบสี่เดือนแรกของปีงบประมาณที่เริ่มเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ก็สูงถึง 569,000 ล้านดอลลาร์

ในการผลักดันร่างกฎหมายแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผ่านรัฐสภา แม้พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ทว่าเนื่องจากในวุฒิสภานั้นมีระเบียบข้อบังคับว่า จะต้องมีเสียง 3 ใน 5 นั่นคือ 60 เสียงจากทั้งหมด 100 เสียง จึงจะสามารถเสนอให้ปิดการอภิปรายและลงมติได้ ขณะที่เดโมแครตเวลานี้มีที่นั่งอยู่ 58 ด้วยเหตุนี้ ทางฝ่ายเดโมแครตจึงต้องใช้ท่าทีประนีประนอม เพื่อดึงเสียงฝ่ายกลางๆ ของรีพับลิกันมาร่วมมือด้วย ตั้งแต่ขั้นตอนผลักดันให้วุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ ไปจนถึงในการเจรจาต่อรองเพื่อทำให้ร่างกฎหมายจากทั้งสองสภากลายเป็นร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน

มีรายงานว่าระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมร่างคราวนี้ วุฒิสมาชิกสายกลางของรีพับลิกัน 3 คน คือซูซาน คอลลินส์ โอลิมเปีย สโนว์ และอาร์เลน สเปคเตร์ ได้เรียกร้องให้ปรับลดงบประมาณของแผนการนี้ลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนของพวกตน โดยวุฒิสมาชิกคอลลินส์เสนอให้ปรับลดยอดเงินช่วยลดการขาดดุลงบประมาณของมลรัฐต่างๆ และปรับปรุงโรงเรียนลงมารวมกันอยู่ที่ 54,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอช่วยลดการขาดดุลงบประมาณ 79,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 14,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้างโรงเรียน ในขณะที่วุฒิสภาเสนอปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งสองมาอยู่ที่ 39,000 ล้านดอลลาร์และ 16,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น