เอเจนซี/เอเอฟพี - การส่งออกของเกาหลีใต้เดือนมกราคมดิ่งลงรุนแรงที่สุดเท่าเคยเป็นมา ทำให้เกิดการคาดเก็งและแรงกดดันต่อธนาคารกลางที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของเอเชีย
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสัญญาณการตกต่ำทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ปรากฏออกมาในขณะที่รัฐสภาเกาหลีใต้กำลังเปิดประชุม โดยที่ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการควบคุมดูแลผู้ประท้วงของตำรวจ จนออกมาข่มขู่ว่าจะถ่วงเวลาอนุมัติแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการอย่างมาก เพื่อผลักให้เศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากอิทธิพลของภาวะถดถอยรุนแรงของโลก
เกาหลีใต้เป็นประเทศส่งออกรายใหญ่รายแรกของเอเชียที่รายงานมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้กระแสความต้องการสินค้าของโลกได้เป็นอย่างดี มูลค่าการค้าของเกาหลีใต้ในเดือนมกราคมนั้นดิ่งลงถึง 32.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะว่าผู้บริโภคและบริษัททั่วโลกพากันรัดเข็มขัด
ส่วนการนำเข้าก็ลดลง 32.1% เนื่องจากผู้บริโภคของเกาหลีใต้ก็งดใช้เงินด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ญี่ปุ่น จีนและประเทศอื่นๆในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ต่างก็รายงานตัวเลขการค้าที่ย่ำแย่ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา โดยภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คือไฮเทค เพราะความต้องการในสหรัฐฯและยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่หดหายไปอย่างรวดเร็ว
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ยังรายงานคำกล่าวของ อนูป ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ที่พูดถึงเศรษฐกิจเกาหลีใต้ว่าจะมีอัตราเติบโต "เป็นลบอย่างสำคัญ" ตลอดทั้งปี 2009 แม้ว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปีก็ตาม
ทางด้านธนาคารกลางของเกาหลีใต้ทำนายไว้ว่า ในปีนี้ เกาหลีใต้จะมีอัตราการเติบโตในราว 2% แต่บรรดาบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศต่างพากันเห็นว่าสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านั้นมากนัก
ฮุนได มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รวมทั้งเกีย มอเตอร์ส ที่เป็นบริษัทในเครือ ตลอดจนผู้ผลิตรถยนต์รายเล็กอื่น ๆในประเทศ รายงานยอดขายเดือนมกราคมว่า ร่วงลงไปมากกว่าหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับตัวเลขช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
สำหรับพอสโก้ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าอันดับสี่ของโลกกล่าวว่า จะลดกำลังการผลิตต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าความต้องการของลูกค้าอย่างผู้ผลิตรถยนต์และอื่น ๆยังคงอ่อนตัวอย่างมาก
ส่วน ชินฮาน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศก็รายงานว่า กำไรไตรมาสสี่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากต้องสำรองเม็ดเงินให้ครอบคลุมความเสียหายจากหนี้เสียของลูกค้าที่เป็นบริษัท
ข่าวดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือ อัตราเงินเฟ้อสำหรับผู้บริโภคในเดือนมกราคมลดลงมาอยู่ที่ 3.7% อันเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และนับเป็นการลดลงติดกันเป็นเดือนที่หกแล้ว แต่เหตุผลเบื้องหลังกลับไม่ดีเอาเสียเลย เนื่องจากความต้องสินค้าลดลงอย่างมาก จนทำให้มาหักลบกับราคาสินค้านำเข้าที่พุ่งขึ้นจากค่าเงินวอนที่ดิ่งลงรุนแรงไปจนหมด
ตัวเลขการค้าในช่วง 20 วันแรกของเดือนมกราคมแสดงให้เห็นว่า การส่งออกไปยังแต่ละตลาดต่างลดลงเกือบทั้งหมด โดยตลาดจีนลดลง 32.2%, สหรัฐฯหดตัว 21.5% และยุโรปดิ่งไปถึง 46.9%
บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดจะบีบให้ธนาคารแห่งเกาหลีต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีกในสัปดาห์หน้า สู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่
นักวิเคราะห์เห็นว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาแบงก์ชาติโสมขาวลดอัตราดอกเบี้ยจน 2.5% ในปัจจุบัน ซึ่งเท่ากับเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของอัตราเดิม
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสัญญาณการตกต่ำทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ปรากฏออกมาในขณะที่รัฐสภาเกาหลีใต้กำลังเปิดประชุม โดยที่ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการควบคุมดูแลผู้ประท้วงของตำรวจ จนออกมาข่มขู่ว่าจะถ่วงเวลาอนุมัติแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการอย่างมาก เพื่อผลักให้เศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากอิทธิพลของภาวะถดถอยรุนแรงของโลก
เกาหลีใต้เป็นประเทศส่งออกรายใหญ่รายแรกของเอเชียที่รายงานมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้กระแสความต้องการสินค้าของโลกได้เป็นอย่างดี มูลค่าการค้าของเกาหลีใต้ในเดือนมกราคมนั้นดิ่งลงถึง 32.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะว่าผู้บริโภคและบริษัททั่วโลกพากันรัดเข็มขัด
ส่วนการนำเข้าก็ลดลง 32.1% เนื่องจากผู้บริโภคของเกาหลีใต้ก็งดใช้เงินด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ญี่ปุ่น จีนและประเทศอื่นๆในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ต่างก็รายงานตัวเลขการค้าที่ย่ำแย่ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา โดยภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คือไฮเทค เพราะความต้องการในสหรัฐฯและยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่หดหายไปอย่างรวดเร็ว
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ยังรายงานคำกล่าวของ อนูป ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ที่พูดถึงเศรษฐกิจเกาหลีใต้ว่าจะมีอัตราเติบโต "เป็นลบอย่างสำคัญ" ตลอดทั้งปี 2009 แม้ว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปีก็ตาม
ทางด้านธนาคารกลางของเกาหลีใต้ทำนายไว้ว่า ในปีนี้ เกาหลีใต้จะมีอัตราการเติบโตในราว 2% แต่บรรดาบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศต่างพากันเห็นว่าสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านั้นมากนัก
ฮุนได มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รวมทั้งเกีย มอเตอร์ส ที่เป็นบริษัทในเครือ ตลอดจนผู้ผลิตรถยนต์รายเล็กอื่น ๆในประเทศ รายงานยอดขายเดือนมกราคมว่า ร่วงลงไปมากกว่าหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับตัวเลขช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
สำหรับพอสโก้ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าอันดับสี่ของโลกกล่าวว่า จะลดกำลังการผลิตต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าความต้องการของลูกค้าอย่างผู้ผลิตรถยนต์และอื่น ๆยังคงอ่อนตัวอย่างมาก
ส่วน ชินฮาน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศก็รายงานว่า กำไรไตรมาสสี่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากต้องสำรองเม็ดเงินให้ครอบคลุมความเสียหายจากหนี้เสียของลูกค้าที่เป็นบริษัท
ข่าวดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือ อัตราเงินเฟ้อสำหรับผู้บริโภคในเดือนมกราคมลดลงมาอยู่ที่ 3.7% อันเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และนับเป็นการลดลงติดกันเป็นเดือนที่หกแล้ว แต่เหตุผลเบื้องหลังกลับไม่ดีเอาเสียเลย เนื่องจากความต้องสินค้าลดลงอย่างมาก จนทำให้มาหักลบกับราคาสินค้านำเข้าที่พุ่งขึ้นจากค่าเงินวอนที่ดิ่งลงรุนแรงไปจนหมด
ตัวเลขการค้าในช่วง 20 วันแรกของเดือนมกราคมแสดงให้เห็นว่า การส่งออกไปยังแต่ละตลาดต่างลดลงเกือบทั้งหมด โดยตลาดจีนลดลง 32.2%, สหรัฐฯหดตัว 21.5% และยุโรปดิ่งไปถึง 46.9%
บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดจะบีบให้ธนาคารแห่งเกาหลีต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีกในสัปดาห์หน้า สู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่
นักวิเคราะห์เห็นว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาแบงก์ชาติโสมขาวลดอัตราดอกเบี้ยจน 2.5% ในปัจจุบัน ซึ่งเท่ากับเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของอัตราเดิม