เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี ทาโร อาโซะ แห่งญี่ปุ่น เตรียมรับศึกหนักหลังกลับจากที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) ทีเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเขาจะต้องตอบกระทู้ถามจากรัฐสภาเกี่ยวกับเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และการจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนกันยายนปีนี้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ อาโซะ เข้ารับตำแหน่งผู้นำของญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว คะแนนนิยมในตัวเขาก็ลดลงเรื่อยมาจนอยู่ในระดับไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ กระนั้น เขาก็ยังปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านที่จะให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว
ฝ่ายค้านซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาสูง ได้พยายามขัดขวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาโซะเสนอ โดยโจมตีว่าแผนการดังกล่าวจะไม่อาจกอบกู้ให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเป็นการนำเงินภาษีใช้ไปแบบสูญเปล่า อย่างไรก็ดี ฝ่ายรัฐบาลที่กุมเสียงส่วนใหญ๋ในสภาล่างที่มีอำนาจมากกว่า ก็ผลักดันแผนการให้ผ่านรัฐสภาไปจนได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่เพียงต้องรบกับฝ่ายค้าน อาโซะ ยังกำลังถูกสื่อมวลชนญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทและผลงานที่เขาไปแสดง ณ ดาวอส ที่ซึ่งเขาไปให้คำมั่นในวันเสาร์ (31 ม.ค.) ว่า จะให้ความช่วยเหลือแก่พวกประเทศเอเชียในการต่อสู้วิกฤตเป็นมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านเยน (17,000 ล้านดอลลาร์)
สถานีโทรทัศน์ฟูจิรายงานว่า อาโซะเอ่ยชื่ออดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ ผิดเป็น “โทนี บราวน์” หลายครั้งในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ เพราะเขาสับสนกับชื่อกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบันนั่นเอง
“นายกฯ ยังคงขาดความรอบคอบเหมือนเดิม” สถานีโทรทัศน์ฟูจิ ระบุ
ทว่า หนังสือพิมพ์ซันเคอิที่เป็นพวกอนุรักษนิยม แสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจอาโซะมากกว่า โดยระบุในหนังสือพิมพ์ฉบับออนไลน์ว่าอาโซะอาจพูดผิดเพราะกำลังสับสน เนื่องจากเพิ่งเดินทางไปถึงสวิตเซอร์แลนด์เพียง 7 ชั่วโมง
ในวันจันทร์ (2) อาโซะจะต้องตอบกระทู้ของวุฒิสภา ในขณะที่มีเสียงเรียกร้องให้เขาจัดเลือกตั้งเร็วขึ้นมากขึ้น
ทั้งนี้ เป็นที่คาดว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เป็นแกนนำจะเสียที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อญี่ปุ่นมีการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนกันยายนปีนี้ ขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งรวมถึงแผนการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมูลค่า 2 ล้านล้านเยนนั้น ก็ถูกฝ่ายค้านมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังพยายามหาคะแนนก่อนการเลือกตั้งทั่วไป
ในระหว่างการร่วมประชุมที่เมืองดาวอส อาโซะ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความพยายามของญี่ปุ่นที่จะเพิ่มดีมานด์ในประเทศโดยใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 75 ล้านล้านเยน และเขายังได้เรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย
“ผมขอปิดคำกล่าวในวันนี้โดยเน้นถึงความเชื่อมั่นอย่างยิ่งของผมที่ว่า หากเรามีเจตนารมณ์ที่มั่นคงแล้วก็ย่อมเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายไปได้” อาโซะ กล่าว
ทว่า หนังสือพิมพ์อาซาฮี กลับวิจารณ์ว่า “ช่องว่างระหว่างคำพูดของนายกรัฐมนตรีกับชะตากรรมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น เป็นสิ่งที่แลเห็นได้อย่างชัดเจนเหลือเกิน”