เอเจนซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ราคาน้ำมันดิ่งอีก 2.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันพฤหัสบดี (8) สืบเนื่องจากความเศร้าโศกทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และสต๊อกน้ำมันสำรองที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ บดบังรัศมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่อาจทำให้อุปทานน้ำมันโลกตกอยู่ในความเสี่ยง
การลดลงวันพฤหัสบดี (8) มีขึ้นต่อเนื่องจากราคาที่ดิ่งลงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันพุธ (7) ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ทรุดตัวลงของราคาน้ำมันดิบภายในวันเดียวแรงที่สุดในรอบ 7 ปี
“ราคาน้ำมันดิบเช้านี้พยายามดีดตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่ออกมาจากสหรัฐฯ กลับทำให้ราคาตกต่ำลง” บ็อบ มอนเตฟัสโก นักวิเคราะห์จากบริษัท ซัคเดน กล่าว
สัญญาล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ร่วงลง 93 เซนต์ ปิดที่ 41.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ร่วงลง 97 เซนต์ ปิดที่ 44.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานของรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี (8) เปิดเผยตัวเลขคนตกงานที่มีถึง 693,000 ตำแหน่ง ในเดือนธันวาคม แสดงให้เห็นว่า ประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกรายนี้ กำลังดำดิ่งลงไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างน่ากลัว
อีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่เศร้าสลด คือ วอลมาร์ท สโตร์ส อิงค์ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่ามียอดขายที่น่าผิดหวังในเดือนธันวาคมและปรับลดคาดการณ์ตัวเลขกำไรลง
ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างแรงเมื่อวันพุธ (7) หลังจาก สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้เดิมเพียง 900,000 บาร์เรล กว่า 7 เท่า
ข้อมูลสต๊อกน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมีน้ำหนักต่อตลาดเหนือกว่าความขัดแย้งทางการส่งแก๊สระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงสงครามในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ที่เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์