(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)
India’s polls cool war fever
By Siddharth Srivastava
10/12/2008
พรรคคองเกรส ที่เป็นแกนนำของคณะรัฐบาลผสมของอินเดียในปัจจุบัน ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติระดับรัฐของหลายๆ รัฐที่ประกาศผลออกมาในเดือนนี้ ชัยชนะเหล่านี้ส่งผลอย่างมหาศาลยิ่ง ในการผ่อนคลายแรงกดดันให้รัฐบาลต้องพิสูจน์ตัวว่ามีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติการเล่นงานปากีสถาน ภายหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีอย่างสยดสยองในนครมุมไบ
นิวเดลี – ผลสำเร็จที่ออกมาดีอย่างนึกไม่ถึงของพรรคคองเกรส ซึ่งเป็นแกนนำคณะรัฐบาลผสมของอินเดีย ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติระดับรัฐของหลายๆ รัฐที่ประกาศผลออกมาในเดือนนี้ กำลังกลายเป็นการลดทอนโอกาสที่จะมีความขัดแย้งกันด้วยกำลังอาวุธระหว่างอินเดียและปากีสถาน หลังจากที่ความเดือดดาลพุ่งถึงขีดสุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายเข้าโจมตีเมืองมุมไบในปลายเดือนที่แล้ว
พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลบอกว่า เวลานี้รัฐบาลกลางของอินเดียที่นำโดยนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ สามารถที่จะอยู่ในโหมด “หยุดพัก” ได้สักระยะหนึ่ง ภายหลังพรรคคองเกรสประสบชัยชนะอย่างน่าประหลาดใจใน 3 จาก 5 รัฐที่มีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นคราวนี้ ในเมื่อผลการออกเสียงดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนมีความสนใจเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาลในประเด็นทางด้านการพัฒนาท้องถิ่นและธรรมาภิบาล ยิ่งกว่าเรื่องความสามารถในการจัดการกับผู้ก่อการร้าย
พรรคภารติยะ ชนะตะ (บีเจพี) ที่เป็นฝ่ายค้าน ได้เล่นงานพรรคคองเกรสอย่างดุเดือดรุนแรง ว่าล้มเหลวไม่สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายก่อการโจมตีขึ้นในอินเดียหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อความสยดสยองที่มุมไบ ซึ่งบังเกิดขึ้นในเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเหล่านี้ แต่แล้วพรรครัฐบาลกลับประสบความสำเร็จในการสร้างความปราชัยให้แก่บีเจพี ทั้งในเขตเมืองหลวงเดลี, รัฐราชสถาน ที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ, และรัฐมิโซรัม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
นักวิจารณ์จำนวนมากต่างทำนายเอาไว้ว่า ผู้ออกเสียงจะลงโทษรัฐบาลที่ล้มเหลวบกพร่องไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีในมุมไบ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 171 คน แม้กระทั่งพวกผู้นำพรรคคองเกรสเองก็ยังยอมรับเป็นการภายในว่า พวกเขาก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์กับผลการเลือกตั้งที่ออกมา การเล่นงานโจมตีในช่วงหาเสียงเลือกตั้งของพรรคบีเจพี ซึ่งนำโดยนักการเมืองตัวกลั่นๆ อย่างเช่น แอล เค อัตวานี, นเรนเดอร์ โมดี, ราชนาถ ซิงห์ และมุ่งโฟกัสไปในประเด็นที่ว่ารัฐบาลกำลัง “อ่อนปวกเปียกในการรับมือกับผู้ก่อการร้าย” ดูน่าเกรงขามและมีมนตร์ดึงดูดใจอย่างสูง
ทว่าแทนที่จะแสดงปฏิกิริยาไม่สบอารมณ์ต่อจุดอ่อนข้อบกพร่องในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของรัฐบาล บรรดาผู้ออกเสียงกลับเลือกที่จะให้รางวัลแก่พวกมุขมนตรีของพรรคคองเกรสในเดลี, มัธยประเทศ, และจัณฑีครห์ ผู้ซึ่งสามารถกระทำตามคำมั่นสัญญาขั้นพื้นฐานที่ได้เคยให้ไว้ ในการปรับปรุงเรื่องน้ำประปาและไฟฟ้า, ถนนหนทาง, และการรักษาความสงบเรียบร้อย บรรดาผู้ออกเสียงดูเหมือนไม่ได้ต้องการที่จะตำหนิลงโทษพรรคคองเกรสฝ่ายเดียว สำหรับความหละหลวมในการรับมือกับการก่อการร้าย ซึ่งก็ต้องถือว่ายุติธรรมดี เพราะในช่วงเวลาแห่งการครองอำนาจของพรรคบีเจพี ระหว่างปี 1998-2004 ก็เกิดเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ๆ ขึ้นในอินเดียหลายครั้งเหมือนกัน
การที่กลุ่มหัวรุนแรงซึ่งเข้ามาก่อเหตุสยดสยองในมุมไบ เป็นพวกที่มาจากทางปากีสถาน ตอนต้นๆ ทีเดียวได้กระตุ้นให้รัฐบาลอินเดียข่มขู่ที่จะปฏิบัติการ “ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด” ข้ามเข้าไปในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่บริหารปกครองโดยปากีสถาน ทั้งนี้แคชเมียร์ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตเขา คือดินแดนที่อินเดียกับปากีสถานต่างอ้างสิทธิ์ และเป็นเหตุให้ประเทศทั้งสองทำสงครามกันมา 2 ครั้งแล้วนับแต่ที่ต่างได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947
อินเดียเตือนว่ากำลังวางแผนเข้าโจมตีค่ายอบรมพวกหัวรุนแรงที่ตั้งอยู่ในแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน ค่ายเหล่านี้ดำเนินการโดยองค์การ ลัชการ์-อี-ไตบา (แอลอีที) อันเป็นกลุ่มที่ฝ่ายต่างๆ จำนวนมากลงความเห็นว่าเป็นผู้รับผิดชอบวางแผนการโจมตีคราวนี้ นอกจากนั้นทางการนิวเดลียังยื่นรายชื่อผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายจำนวน 20 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงพวกผู้นำของแอลอีทีด้วย ต่อทางการอิสลามบัด โดยเรียกร้องให้เข้าจับกุมและส่งตัวคนเหล่านี้มาให้อินเดีย
“ถ้าพรรคคองเกรสพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นคราวนี้ มันก็เกือบเป็นที่แน่นอนเลยว่า อินเดียจะต้องเปิดการโจมตีอย่างเหมาะเหม็งเพื่อทำลายค่ายของพวกผู้ก่อการร้าย [ในปากีสถาน] ในเมื่อปากีสถานยังคงปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบคนที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นผู้ก่อการร้าย มาให้ตามที่ฝ่ายอินเดียต้องการ” เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งซึ่งขอสงวนนามกล่าวให้ความเห็น “ทางการนิวเดลีคงจำเป็นที่จะต้องลบล้างข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาอ่อนแอในการจัดการกับการก่อการร้าย ให้ได้ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า”
แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า พวกผู้บัญชาการทหารของอินเดียได้เสนอแนะต่อรัฐบาลไปแล้วว่า พวกเขาสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ในการเปิดโจมตีข้ามเข้าไปในปากีสถาน แผนการในเบื้องต้นคือจะใช้การโจมตีด้วยเครื่องบินชนิดไร้คนขับ โดยเป็นไปได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอิสราเอล ถ้าหากทางการอิสลามาบัดยังคงไม่มีการปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ ต่อพวกผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน ทั้งนี้ ในรายชื่อ 20 ผู้ต้องสงสัยที่ส่งให้แก่ปากีสถานนี้ มีอาทิ ดาวูด อิบรอฮิม หัวหน้าแก๊งอันธพาลชื่อฉาว, มาซูด อัซฮาร์ ผู้นำของ ไจช-อี-โมฮัมเหม็ด ที่เป็นองค์กรแม่ของแอลอีที, และ ฮาเฟซ โมฮัมเหม็ด ซาอีด หัวหน้าของแอลทีที ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นจอมบงการอยู่เบื้องหลังการโจมตีมุมไบเที่ยวนี้
ขณะที่ผลการเลือกตั้งดูเหมือนจะทำให้มีการชะลอแผนการเพื่อปฏิบัติการ “ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด” ออกไปก่อน มันก็ไม่ใช่จะถูกยกเลิกไปอย่างสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนิวเดลีก็ยังคงพยายามทำให้วอชิงตันแน่ใจว่า จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องถอนรากถอนโคนพวกโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายในบริเวณพรมแดนของปากีสถานที่ประชิดกับอินเดีย
ตั้งแต่ที่สหรัฐฯยื่นคำขาดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งให้เวลาปากีสถาน 48 ชั่วโมงในการลงมือกระทำการอะไรกันบ้าง ก็มีรายงานว่าอิสลามาบัดได้เข้าจับกุม ซากิอูร์ เราะห์มาน ลัควี ผู้บัญชาการกำลังอาวุธระดับท็อปของแอลอีที รวมทั้งได้เข้าโจมตีค่ายหลายแห่งของกลุ่มนี้ในแคชเมียร์อีกด้วย รัฐมนตรีกลาโหม เชาธารี อาเหม็ด มุคตาร์ ของปากีสถาน แถลงในวันอังคาร(9)ว่า มาซูด อัซฮาร์ ได้ถูกกักตัวให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก แหล่งข่าววงการข่าวกรองหลายรายบอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า ค่ายของผู้ก่อก่อการร้ายที่อยู่ตามแนวชายแดนแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน ส่วนใหญ่ได้ถูกรื้อถอน ทว่าพวกเจ้าหน้าที่ทั้งในนิวเดลีและวอชิงตัน ต่างยังคงระแวงสงสัยในเรื่องการปราบปรามเหล่านี้ โดยมองว่าน่าจะเป็นเพียงความพยายามแบบขอไปทีเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันจากทั่วโลกเท่านั้น
“พวกหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ทำไมจึงถูกจับกุมตัวได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ ทหารคอมมานโดระดับท็อปของอินเดียยังต้องใช้เวลากว่า 60 ชั่วโมงในการสยบสมาชิกระดับพลเดินเท้าของผู้ก่อการร้ายแค่ 10 คนในมุมไบ” เจ้าหน้าที่อินเดียผู้หนึ่งชี้ “พวกเขาทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างทนุถนอม และไม่ต้องกลัวเกรงอะไรเลยเพราะยังมีกองทัพคอยให้ความคุ้มครองอยู่ การถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบ้านนั้นไม่มีความหมายอะไรหรอก มาซูด อัซฮาร์จะยังคงสามารถเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารทุกๆ อย่างเพื่อดำเนินกิจกรรมของเขาและติดต่อกับคนของเขาได้ต่อไป”
ถ้าปากีสถานกำลังเพียงแค่พยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็งในการเล่นงานพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ และรอจนกว่าความสนใจของนานาประเทศจะหันเหไปทางอื่นแล้ว มันก็อาจเป็นการเล่นเกมทายปริศนาที่มีความเสี่ยงสูงยิ่ง เมื่อพิจารณาจากลักษณะความเอิกเกริกเกรียวกราวของการก่อเหตุสยดสยองในมุมไบ อเมริกานั้นกำลังรุกกระชั้นถึงขั้นหายใจรดต้นคอของอิสลามาบัดแล้ว อีกทั้งเปิดไฟเขียวให้นิวเดลีเข้าโจมตีเป้าหมายต่างๆ เลยล้ำพรมแดนของตัวเองออกไป ถึงแม้ในขณะเดียวกัน วอชิงตันก็ประกาศว่าจะไม่ยอมอดทนให้ไปไกลถึงขนาดเกิดการเปิดสงครามกัน ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านสองรายนี้ซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์กันทั้งคู่
ทางด้านปากีสถานก็เพิ่งแสดงท่าทีอย่างชัดเจนออกมาแล้วว่า จะไม่ยอมส่งมอบผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายใดๆ ที่ตนเองจับกุมไว้เมื่อเร็วๆ นี้ไปให้แก่อินเดีย อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถานเสนอแนะว่า พร้อมที่จะให้มีการสอบสวนร่วมหรือการพิสูจน์ร่วมกันกับฝ่ายอินเดีย เรื่องนี้อาจเป็นจังหวะก้าวที่สำคัญ ทว่ามันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลปากีสถานมีน้ำยาแค่ไหนในการควบคุมประเทศของตัวเอง นอกจากนั้น แม้กระทั่งหากมีการพิสูจน์ตรวจสอบร่วมกัน กองทัพปากีสถานก็ยังอาจฉวยใช้เป็นโอกาสที่จะตีฆ้องร้องป่าวปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านอินเดียขึ้นมา
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลิซซา ไรซ์ ของสหรัฐฯ ได้แถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า แรงกระตุ้นหลักของการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ อาจจะอยู่ที่การมุ่งปลุกปั่นให้ความขัดแย้งระหว่างปากีสถาน-อินเดียปะทุขึ้นมาอีก “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้กำลังหวั่นผวากับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างปากีสถานกับอินเดีย ซึ่งดีขึ้นมาตั้งแต่ก่อนมีรัฐบาลพลเรือนเสียอีก” และยิ่งเห็นชัดเจนนับแต่ที่ประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ขึ้นครองอำนาจในปากีสถาน เธอกล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ทาง วิทยุข่าวซีบีเอส เมื่อวันพุธ(10)
สิทธาร์ถ ศรีวัสทาวา เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พำนักอยู่ในนิวเดลี สามารถติดต่อเขาได้ที่ sidsri@yahoo.com
India’s polls cool war fever
By Siddharth Srivastava
10/12/2008
พรรคคองเกรส ที่เป็นแกนนำของคณะรัฐบาลผสมของอินเดียในปัจจุบัน ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติระดับรัฐของหลายๆ รัฐที่ประกาศผลออกมาในเดือนนี้ ชัยชนะเหล่านี้ส่งผลอย่างมหาศาลยิ่ง ในการผ่อนคลายแรงกดดันให้รัฐบาลต้องพิสูจน์ตัวว่ามีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติการเล่นงานปากีสถาน ภายหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีอย่างสยดสยองในนครมุมไบ
นิวเดลี – ผลสำเร็จที่ออกมาดีอย่างนึกไม่ถึงของพรรคคองเกรส ซึ่งเป็นแกนนำคณะรัฐบาลผสมของอินเดีย ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติระดับรัฐของหลายๆ รัฐที่ประกาศผลออกมาในเดือนนี้ กำลังกลายเป็นการลดทอนโอกาสที่จะมีความขัดแย้งกันด้วยกำลังอาวุธระหว่างอินเดียและปากีสถาน หลังจากที่ความเดือดดาลพุ่งถึงขีดสุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายเข้าโจมตีเมืองมุมไบในปลายเดือนที่แล้ว
พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลบอกว่า เวลานี้รัฐบาลกลางของอินเดียที่นำโดยนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ สามารถที่จะอยู่ในโหมด “หยุดพัก” ได้สักระยะหนึ่ง ภายหลังพรรคคองเกรสประสบชัยชนะอย่างน่าประหลาดใจใน 3 จาก 5 รัฐที่มีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นคราวนี้ ในเมื่อผลการออกเสียงดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนมีความสนใจเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาลในประเด็นทางด้านการพัฒนาท้องถิ่นและธรรมาภิบาล ยิ่งกว่าเรื่องความสามารถในการจัดการกับผู้ก่อการร้าย
พรรคภารติยะ ชนะตะ (บีเจพี) ที่เป็นฝ่ายค้าน ได้เล่นงานพรรคคองเกรสอย่างดุเดือดรุนแรง ว่าล้มเหลวไม่สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายก่อการโจมตีขึ้นในอินเดียหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อความสยดสยองที่มุมไบ ซึ่งบังเกิดขึ้นในเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเหล่านี้ แต่แล้วพรรครัฐบาลกลับประสบความสำเร็จในการสร้างความปราชัยให้แก่บีเจพี ทั้งในเขตเมืองหลวงเดลี, รัฐราชสถาน ที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ, และรัฐมิโซรัม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
นักวิจารณ์จำนวนมากต่างทำนายเอาไว้ว่า ผู้ออกเสียงจะลงโทษรัฐบาลที่ล้มเหลวบกพร่องไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีในมุมไบ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 171 คน แม้กระทั่งพวกผู้นำพรรคคองเกรสเองก็ยังยอมรับเป็นการภายในว่า พวกเขาก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์กับผลการเลือกตั้งที่ออกมา การเล่นงานโจมตีในช่วงหาเสียงเลือกตั้งของพรรคบีเจพี ซึ่งนำโดยนักการเมืองตัวกลั่นๆ อย่างเช่น แอล เค อัตวานี, นเรนเดอร์ โมดี, ราชนาถ ซิงห์ และมุ่งโฟกัสไปในประเด็นที่ว่ารัฐบาลกำลัง “อ่อนปวกเปียกในการรับมือกับผู้ก่อการร้าย” ดูน่าเกรงขามและมีมนตร์ดึงดูดใจอย่างสูง
ทว่าแทนที่จะแสดงปฏิกิริยาไม่สบอารมณ์ต่อจุดอ่อนข้อบกพร่องในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของรัฐบาล บรรดาผู้ออกเสียงกลับเลือกที่จะให้รางวัลแก่พวกมุขมนตรีของพรรคคองเกรสในเดลี, มัธยประเทศ, และจัณฑีครห์ ผู้ซึ่งสามารถกระทำตามคำมั่นสัญญาขั้นพื้นฐานที่ได้เคยให้ไว้ ในการปรับปรุงเรื่องน้ำประปาและไฟฟ้า, ถนนหนทาง, และการรักษาความสงบเรียบร้อย บรรดาผู้ออกเสียงดูเหมือนไม่ได้ต้องการที่จะตำหนิลงโทษพรรคคองเกรสฝ่ายเดียว สำหรับความหละหลวมในการรับมือกับการก่อการร้าย ซึ่งก็ต้องถือว่ายุติธรรมดี เพราะในช่วงเวลาแห่งการครองอำนาจของพรรคบีเจพี ระหว่างปี 1998-2004 ก็เกิดเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ๆ ขึ้นในอินเดียหลายครั้งเหมือนกัน
การที่กลุ่มหัวรุนแรงซึ่งเข้ามาก่อเหตุสยดสยองในมุมไบ เป็นพวกที่มาจากทางปากีสถาน ตอนต้นๆ ทีเดียวได้กระตุ้นให้รัฐบาลอินเดียข่มขู่ที่จะปฏิบัติการ “ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด” ข้ามเข้าไปในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่บริหารปกครองโดยปากีสถาน ทั้งนี้แคชเมียร์ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตเขา คือดินแดนที่อินเดียกับปากีสถานต่างอ้างสิทธิ์ และเป็นเหตุให้ประเทศทั้งสองทำสงครามกันมา 2 ครั้งแล้วนับแต่ที่ต่างได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947
อินเดียเตือนว่ากำลังวางแผนเข้าโจมตีค่ายอบรมพวกหัวรุนแรงที่ตั้งอยู่ในแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน ค่ายเหล่านี้ดำเนินการโดยองค์การ ลัชการ์-อี-ไตบา (แอลอีที) อันเป็นกลุ่มที่ฝ่ายต่างๆ จำนวนมากลงความเห็นว่าเป็นผู้รับผิดชอบวางแผนการโจมตีคราวนี้ นอกจากนั้นทางการนิวเดลียังยื่นรายชื่อผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายจำนวน 20 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงพวกผู้นำของแอลอีทีด้วย ต่อทางการอิสลามบัด โดยเรียกร้องให้เข้าจับกุมและส่งตัวคนเหล่านี้มาให้อินเดีย
“ถ้าพรรคคองเกรสพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นคราวนี้ มันก็เกือบเป็นที่แน่นอนเลยว่า อินเดียจะต้องเปิดการโจมตีอย่างเหมาะเหม็งเพื่อทำลายค่ายของพวกผู้ก่อการร้าย [ในปากีสถาน] ในเมื่อปากีสถานยังคงปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบคนที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นผู้ก่อการร้าย มาให้ตามที่ฝ่ายอินเดียต้องการ” เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งซึ่งขอสงวนนามกล่าวให้ความเห็น “ทางการนิวเดลีคงจำเป็นที่จะต้องลบล้างข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาอ่อนแอในการจัดการกับการก่อการร้าย ให้ได้ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า”
แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า พวกผู้บัญชาการทหารของอินเดียได้เสนอแนะต่อรัฐบาลไปแล้วว่า พวกเขาสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ในการเปิดโจมตีข้ามเข้าไปในปากีสถาน แผนการในเบื้องต้นคือจะใช้การโจมตีด้วยเครื่องบินชนิดไร้คนขับ โดยเป็นไปได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอิสราเอล ถ้าหากทางการอิสลามาบัดยังคงไม่มีการปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ ต่อพวกผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน ทั้งนี้ ในรายชื่อ 20 ผู้ต้องสงสัยที่ส่งให้แก่ปากีสถานนี้ มีอาทิ ดาวูด อิบรอฮิม หัวหน้าแก๊งอันธพาลชื่อฉาว, มาซูด อัซฮาร์ ผู้นำของ ไจช-อี-โมฮัมเหม็ด ที่เป็นองค์กรแม่ของแอลอีที, และ ฮาเฟซ โมฮัมเหม็ด ซาอีด หัวหน้าของแอลทีที ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นจอมบงการอยู่เบื้องหลังการโจมตีมุมไบเที่ยวนี้
ขณะที่ผลการเลือกตั้งดูเหมือนจะทำให้มีการชะลอแผนการเพื่อปฏิบัติการ “ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด” ออกไปก่อน มันก็ไม่ใช่จะถูกยกเลิกไปอย่างสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนิวเดลีก็ยังคงพยายามทำให้วอชิงตันแน่ใจว่า จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องถอนรากถอนโคนพวกโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายในบริเวณพรมแดนของปากีสถานที่ประชิดกับอินเดีย
ตั้งแต่ที่สหรัฐฯยื่นคำขาดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งให้เวลาปากีสถาน 48 ชั่วโมงในการลงมือกระทำการอะไรกันบ้าง ก็มีรายงานว่าอิสลามาบัดได้เข้าจับกุม ซากิอูร์ เราะห์มาน ลัควี ผู้บัญชาการกำลังอาวุธระดับท็อปของแอลอีที รวมทั้งได้เข้าโจมตีค่ายหลายแห่งของกลุ่มนี้ในแคชเมียร์อีกด้วย รัฐมนตรีกลาโหม เชาธารี อาเหม็ด มุคตาร์ ของปากีสถาน แถลงในวันอังคาร(9)ว่า มาซูด อัซฮาร์ ได้ถูกกักตัวให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก แหล่งข่าววงการข่าวกรองหลายรายบอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า ค่ายของผู้ก่อก่อการร้ายที่อยู่ตามแนวชายแดนแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน ส่วนใหญ่ได้ถูกรื้อถอน ทว่าพวกเจ้าหน้าที่ทั้งในนิวเดลีและวอชิงตัน ต่างยังคงระแวงสงสัยในเรื่องการปราบปรามเหล่านี้ โดยมองว่าน่าจะเป็นเพียงความพยายามแบบขอไปทีเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันจากทั่วโลกเท่านั้น
“พวกหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ทำไมจึงถูกจับกุมตัวได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ ทหารคอมมานโดระดับท็อปของอินเดียยังต้องใช้เวลากว่า 60 ชั่วโมงในการสยบสมาชิกระดับพลเดินเท้าของผู้ก่อการร้ายแค่ 10 คนในมุมไบ” เจ้าหน้าที่อินเดียผู้หนึ่งชี้ “พวกเขาทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างทนุถนอม และไม่ต้องกลัวเกรงอะไรเลยเพราะยังมีกองทัพคอยให้ความคุ้มครองอยู่ การถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบ้านนั้นไม่มีความหมายอะไรหรอก มาซูด อัซฮาร์จะยังคงสามารถเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารทุกๆ อย่างเพื่อดำเนินกิจกรรมของเขาและติดต่อกับคนของเขาได้ต่อไป”
ถ้าปากีสถานกำลังเพียงแค่พยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็งในการเล่นงานพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ และรอจนกว่าความสนใจของนานาประเทศจะหันเหไปทางอื่นแล้ว มันก็อาจเป็นการเล่นเกมทายปริศนาที่มีความเสี่ยงสูงยิ่ง เมื่อพิจารณาจากลักษณะความเอิกเกริกเกรียวกราวของการก่อเหตุสยดสยองในมุมไบ อเมริกานั้นกำลังรุกกระชั้นถึงขั้นหายใจรดต้นคอของอิสลามาบัดแล้ว อีกทั้งเปิดไฟเขียวให้นิวเดลีเข้าโจมตีเป้าหมายต่างๆ เลยล้ำพรมแดนของตัวเองออกไป ถึงแม้ในขณะเดียวกัน วอชิงตันก็ประกาศว่าจะไม่ยอมอดทนให้ไปไกลถึงขนาดเกิดการเปิดสงครามกัน ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านสองรายนี้ซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์กันทั้งคู่
ทางด้านปากีสถานก็เพิ่งแสดงท่าทีอย่างชัดเจนออกมาแล้วว่า จะไม่ยอมส่งมอบผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายใดๆ ที่ตนเองจับกุมไว้เมื่อเร็วๆ นี้ไปให้แก่อินเดีย อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถานเสนอแนะว่า พร้อมที่จะให้มีการสอบสวนร่วมหรือการพิสูจน์ร่วมกันกับฝ่ายอินเดีย เรื่องนี้อาจเป็นจังหวะก้าวที่สำคัญ ทว่ามันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลปากีสถานมีน้ำยาแค่ไหนในการควบคุมประเทศของตัวเอง นอกจากนั้น แม้กระทั่งหากมีการพิสูจน์ตรวจสอบร่วมกัน กองทัพปากีสถานก็ยังอาจฉวยใช้เป็นโอกาสที่จะตีฆ้องร้องป่าวปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านอินเดียขึ้นมา
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลิซซา ไรซ์ ของสหรัฐฯ ได้แถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า แรงกระตุ้นหลักของการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ อาจจะอยู่ที่การมุ่งปลุกปั่นให้ความขัดแย้งระหว่างปากีสถาน-อินเดียปะทุขึ้นมาอีก “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้กำลังหวั่นผวากับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างปากีสถานกับอินเดีย ซึ่งดีขึ้นมาตั้งแต่ก่อนมีรัฐบาลพลเรือนเสียอีก” และยิ่งเห็นชัดเจนนับแต่ที่ประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ขึ้นครองอำนาจในปากีสถาน เธอกล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ทาง วิทยุข่าวซีบีเอส เมื่อวันพุธ(10)
สิทธาร์ถ ศรีวัสทาวา เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พำนักอยู่ในนิวเดลี สามารถติดต่อเขาได้ที่ sidsri@yahoo.com