เอเอฟพี/เอเจนซี - เกาหลีใต้วานนี้ (27) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยรวดเดียว 0.75% นับเป็นหั่นมากที่สุดเท่าที่เคยกระทำมา รวมทั้งผลักดันให้รัฐสภาอนุมัติกฎหมายลดภาษีมโหฬาร ตลอดจนเพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้พ้นจากวิกฤตการเงินทั่วโลก ความเคลื่อนไหวคราวนี้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยตลาดหุ้นกรุงโซลปิดในแดนบวก สวนทางตลาดอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ดำดิ่งลึกในแดนลบ
ประธานาธิบดีลีเมียงบัค กล่าวยืนยันด้วยว่า เกาหลีใต้จะไม่เผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเงินซ้ำรอยปี 1997-1998 แต่ก็ย้ำว่าจำเป็นจะต้องเร่งกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ เพื่อชดเชยการส่งออกที่ทำท่าย่ำแย่ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกต่างชะลอตัว
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี ได้แถลงภายหลังการประชุมวาระวิสามัญของคณะกรรมการกำหนดนโยบายว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญของตนลง 0.75% เหลือ 4.25%
การประชุมคราวนี้จัดขึ้นภายหลังช่วงสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นสัปดาห์ที่ตลาดหุ้นโสมขาวตกแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกทั้งเงินวอนก็อ่อนค่าหนักจนอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ท่ามกลางความหวาดผวาว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่ต้องพึ่งพิงการส่งออก จะต้องได้รับผลกระทบรุนแรงจากทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งกำลังมืดมัวลงมาก
เมื่อวันศุกร์ (24) ที่ผ่านมา ธนาคารกลางยังแถลงว่า เศรษฐกิจโสมขาวในรอบไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโตด้วยฝีก้าวช้าที่สุดในรอบ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับวานนี้ตลาดหุ้นกรุงโซลปิดโดยเพิ่มสูงขึ้น 0.8% โดยปัจจัยสำคัญคือการตัดลดดอกเบี้ยอย่างแรงของแบงก์ชาติ ทว่าค่าเงินวอนยังคงปวกเปียกต่อไป จนปิดตลาดที่ระดับ 1,442.5 วอนต่อดอลลาร์ ต่ำลง 18.5 วอนจากตอนปิดวันศุกร์
ผู้ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้ ลีเซืองเต แถลงว่ามาตรการลดดอกเบี้ย 0.75% คราวนี้ จะช่วยสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวอย่างแรง อีกทั้งทำให้ตลาดการเงินที่ผันผวนมีเสถียรภาพมากขึ้น
"ความต้องการภายในประเทศกำลังโซซัดโซเซ ท่ามกลางความปั่นป่วนผันผวนทางการเงิน ส่วนการส่งออกก็น่าที่จะชะลอตัวเช่นกัน ภายใต้สภาพการณ์เหล่านี้ ธนาคารกลางจะให้ความสนใจต่อความเสี่ยงเหล่านี้ไปอีกระยะหนึ่ง" เขากล่าว คำพูดเช่นนี้ของผู้ว่าแบงก์ชาติทำให้มีเสียงคาดกันว่า น่าจะมีการหั่นดอกเบี้ยต่อไปอีกในอนาคต
สำหรับประธานาธิบดีลี ซึ่งไปกล่าวปราศรัยเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2009 ต่อรัฐสภา ได้ให้สัญญาว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องแบบไม่จำกัด "ในลักษณะเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน,มีปริมาณเพียงพอ และกระทำด้วยความเด็ดขาด" เพื่อทำให้ตลาดการเงินของแดนโสมขาวกลับคืนสู่ความสงบ ขณะที่วิกฤต "กำลังแผ่ลามไปทั่วโลกเหมือนกับคลื่นยักษ์สึนามิ"
"ผู้คนจำนวนมากเปรียบเทียบวิกฤตคราวนี้กับวิกฤตอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อสิบปีก่อน แต่ผมสามารถที่จะพูดยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เกาหลีไม่มีทางที่จะเกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหรอก" ลีกล่าว พร้อมกับชี้ว่า วิกฤตปี 1997-1998 ทำให้เกาหลีใต้ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟซึ่งปล่อยเงินกู้ให้ 58,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมตั้งเงื่อนไขอย่างโหดๆ ทว่าเวลานี้โสมขาวเองมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ประมาณ 240,000 ล้านดอลลาร์ เพียงพอที่จะแก้ปัญหาเงินตราต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย
เขาบอกด้วยว่า ค่าเงินวอนที่ดำดิ่งอย่างแรงในปีนี้ จะกลับมีเสถียรภาพดีขึ้นมาอย่างแน่นอน เมื่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศเปลี่ยนมาเป็นเกินดุลในไตรมาสสี่ปีนี้ เพราะราคาน้ำมันลดฮวบลงแล้ว
ลียืนยันอีกครั้งที่จะเดินหน้าแผนการตัดลดภาษีด้านต่างๆ ในปีหน้า คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13 ล้านล้านวอน รวมทั้งร่างงบประมาณที่เสนอนี้ก็เพิ่มยอดรายจ่ายขึ้น 7.2% เป็น 209.2 ล้านล้านวอน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างงาน ขยายสมรรถนะในการเติบโต และเพิ่มการใช้จ่ายด้านสวัสดิการ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายราย มองว่า ราคาหุ้นเกาหลีใต้ยังอาจจะดำดิ่งอีกในวันต่อๆ ไป เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่มีความเชื่อมั่นในตลาด ขณะที่แบงก์ชาติก็คงต้องลดดอกเบี้ยต่อ ตลอดจนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินการธนาคารให้มากขึ้นอีก เพื่อพยายามฟื้นฟูความมั่นใจขึ้นมา
ทางด้านหนังสือพิมพ์จูงอัง อิลโบ ก็เขียนบทบรรณาธิการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง และบิ๊กบอสหน่วยงานกำกับตรวจสอบภาคการเงิน เนื่องจากไร้ประสิทธิภาพรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ไหว