xs
xsm
sm
md
lg

แฉบ้านอดีตกษัตริย์เนปาลจ่อถูกตัดไฟหลังค้างบิลเกือบ $1 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อดีตกษัตริย์คยาเนนทรา
เอเอฟพี – ผู้บริหารการไฟฟ้าเนปาล ขู่ตัดไฟบ้านอดีตกษัตริย์คยาเนนทรา และครอบครัว หากยังไม่จ่ายเงินค่าไฟที่ค้างไว้เกือบ 1 ล้านดอลลาร์ (34 ล้านบาท)

อดีตกษัตริย์คยาเนนทรา ได้ใช้ชีวิตอย่างสามัญชนในบ้านหลังเล็กๆ นอกกรุงกาฏมาณฑุ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม หลังระบอบกษัตริย์ของเนปาลซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 240 ปีได้ล่มสลายลงโดยการล้มล้างของสมัชชารัฐธรรมนูญเนปาลที่นำโดยอดีตกบฏลัทธิเหมา

“ครอบครัวของอดีตกษัตริย์คยาเนนทรา ค้างค่าไฟเป็นเงิน 980,000 ดอลลาร์ (33.7 ล้านบาท) และการไฟฟ้าจะหยุดจ่ายกระแสไฟภายใน 15 วันนี้หากยังไม่ได้รับเงินค่าไฟที่ค้างไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้ส่งใบแจ้งเตือนไปยังครอบครัวของอดีตกษัตริย์คยาเนนทราแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ” อาร์จัน บาฮาดูร์ คาร์กี กรรมการผู้จัดการการไฟฟ้าเนปาลกล่าว

คาร์กี กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ น้องสาว ลูกสาว และลูกพี่ลูกน้องของอดีตกษัตริย์คยาเนนทรายังค้างค่าไฟกับการไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าไฟที่มีการใช้ในพระราชวังกว่า 22 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกรัฐบาลลัทธิเหมาแปรสภาพมาเป็นของชาติแล้ว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อดีตกษัตริย์คยาเนนทราได้เก็บข้าวของออกจากพระราชวังนารายันฮีติในกรุงกาฏมาณฑุ สถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่กษัตริย์พิเรนทรา และเชื้อพระวงศ์อีก 8 พระองค์ เมื่อปี 2001 ซึ่งทำให้อดีตกษัตริย์คยาเนนทราได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ และปัจจุบันถูกดัดแปลงมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ของรัฐบาล ซึ่งเคยถูกใช้เป็นที่ประทับในช่วงประพาสป่าล่าสัตว์มาก่อน

รายงานข่าว แจ้งว่า อดีตกษัตริย์คยาเนนทราและครอบครัวไม่ได้จ่ายค่าไฟ หลังจากอดีตกษัตริย์ผู้นี้ได้สั่งปลดรัฐบาล และก้าวเข้ามาปกครองประเทศเมื่อปี 2005 จนทำให้อดีตกบฏลัทธิเหมาและพรรคการเมืองสายหลักต่างๆ จับมือเป็นพันธมิตรล้มล้างอำนาจของกษัตริย์ ซึ่งนับเป็นการปิดฉากระบอบกษัตริย์ของศาสนาฮินดูระบอบสุดท้ายของโลก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

การลงมติล้มเลิกระบอบกษัตริย์ของสมัชชารัฐธรรมนูญเนปาลในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเนปาลกับอดีตกบฎลัทธิเหมาในการยุติสงครามกลางเมือง ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่าทศวรรษ และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 13,000 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น