xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำจีนประเมินวิกฤตการเงินมะกัน ผลกระทบทั่วโลกเลวร้ายกว่าที่คิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี -นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า ของจีน ประเมินผลกระทบจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ว่าอาจเลวร้ายหนักยิ่งขึ้น และเน้นย้ำให้นานาชาติร่วมมือกันรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้โดยละวางความเป็นปรปักษ์และอคติต่างๆ พร้อมเอ่ยเป็นนัยว่าจีนพร้อมเข้าช่วยเหลือนานาชาติในการกอบกู้สถานการ์ผันผวนซึ่งเขย่าตลาดการเงินทั่วโลกอยู่ในขณะนี้

"ความผันผวนทางการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อหลายๆ ประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงหนักขึ้นด้วย" เวินกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันพุธ (24) โดยที่ในช่วงท้ายของสุนทรพจน์ เขาได้เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว และยังได้ระบุถึงประเด็นสำคัญต่างๆ รวมทั้งให้คำมั่นที่จะผลักดันการปฏิรูปเพื่อกระตุ้นการเติบโตในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (22) ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ๋ของยูเอ็นด้วย ได้โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ของจีน เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และแนวทางของรัฐบาลที่จะใช้เงิน 700,000 ล้านดอลลาร์เข้ากอบกู้สถานการณ์เลวร้ายในวอลล์สตรีท ขณะที่สื่อมวลชนจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีหูตอบว่าจีนนั้นเห็นด้วยกับความพยายามรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินสหรัฐฯ และหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะประสบความสำเร็จ

ในการกล่าวสุนทรพจน์ของนายกฯ จีนในวันพุธ เวินได้เอ่ยเป็นนัยว่าจีนอาจช่วยเหลือนานาชาติเพื่อแก้ไขไม่ให้วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ลุกลามออกไป โดยเขาบอกว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับ "การเป็นปฏิปักษ์" หรือ "การตั้งแง่กันด้วยอคติ"

"ถึงเวลาที่เราต้องบอกลาเสียที เพราะประชาชนทั่วโลก รวมทั้งบรรดาผู้นำสามารถกำจัดความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ความบาดหมาง และอคติทั้งหลาย แล้วปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจและเปิดกว้างทางความคิด อีกทั้งยังจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อให้มนุษยชาติเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง และสวมกอดอนาคตอันสว่างไสวและก้าวหน้าไว้" เวินกล่าว และเสริมว่า

"จีนนั้นเป็นประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ เราพร้อมที่จะร่วมมือกับชาติสมาชิกในประชาคมโลกเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกัน แบ่งปันโอกาสก้าวหน้า เผชิญหน้ากับปัญหาท้าทาย และอุทิศตนเพื่อการพัฒนาด้วยความปรองดองและยั่งยืนของโลก"

ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยมียอดรวมสูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2008 นอกจากนั้น จีนยังได้เข้าไปลงทุนซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนมากที่สุดด้วย ซึ่งในรายงานของสำนักวิจัยของสภาคองเกรสประจำเดือนมกราคมระบุว่าจีนอาจถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นวงเงินเกือบ 700,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน 2006 โดยเป็นรองก็แต่ญี่ปุ่นเท่านั้น

ทั้งนี้ เวินกล่าวถึงความวิตกกังวลของโลกต่อทิศทางของจีนภายหลังการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกว่า จีนนั้นยังคงรักษาพันธกิจใน "การพัฒนาอย่างสันติ" และเดินหน้า "การปฏิรูปอย่างเปิดกว้าง" เพราะจีนเชื่อว่า "มีเพียงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเมือง และการปฏิรูปในด้านต่างๆ เท่านั้นที่จะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคมอย่างยั่งยืน และมีเพียงการเปิดกว้างอย่างรอบด้านเท่านั้นที่จะนำประเทศไปสู่ความแข็งแกร่งและความมั่งคั่งยิ่งขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น