เอเอฟพี - บรรษัทการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ (Government of Singapore Investment Corp. - GIC) ซึ่งที่ผ่านมาชอบทำตัวลึกลับ แต่มีบทบาทโด่งดังในช่วงหลังๆ นี้จากการเข้าไปช่วยซื้อหุ้นแบงก์หลายรายที่ฐานะย่ำแย่จากวิกฤตทางการเงินทั่วโลก ได้ออกมาแถลงผลการบริหารจัดการพอร์ตกองทุนของตนประจำปีเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร(23) โดยระบุว่า รอบ 20 ปีที่ผ่านมา สามารถทำผลกำไรตามตัวเลขซึ่งคำนวณเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 7.8%
จีไอซี นับเป็นกองทุนความมั่งคั่งภาครัฐ (sovereign wealth fund - SWF) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยใหญ่โตกว่า SWF อีกแห่งหนึ่งของรัฐบาลสิงคโปร์ นั่นคือ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม รายงานความยาว 48 หน้าฉบับนี้ แทบไม่ค่อยได้เปิดเผยรายละเอียดทางการเงินมากไปกว่านี้
"วัตถุประสงค์ในการลงทุนของจีไอซี คือเพื่อบรรลุอัตราผลตอบแทนอันสมเหตุสมผล ซึ่งอยู่เหนืออัตราเงินเฟ้อของโลก โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย" โทนี ตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเวลานี้เป็นรองประธานและกรรมการบริหารของจีไอซี กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร
ตัน บอกว่า ทางบริษัทสามารถทำตามวัตถุประสงค์ในการลงทุนของตนในช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ทั่วโลกอยู่ในสภาพตื่นตระหนก จากวิกฤตการเงินเอเชียเมื่อ 10 ปีก่อน หรือ "ความปั่นป่วนด้านสินเชื่อในตลาดระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้"
เขาบอกด้วยว่า อัตราผลตอบแทนของจีไอซี เมื่อคิดตามตัวเลขแท้จริง นั่นคือหักลบเรื่องเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะอยู่ในระดับ 4.5% ตลอดระยะ 20 ปีมานี้
ในรายงานที่จีไอซีนำออกเผยแพร่คราวนี้ ระบุว่าทางบริษัทบริหารจัดการการลงทุนรวมเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันเป็นตัวเลขเดียวกับที่ได้เคยแถลงเปิดเผยมาก่อนหน้านี้
รายงาน แจกแจงว่า ณ วันที่ 31 มีนาคมปีนี้ การลงทุนในพอร์ตของจีไอซี จำนวนมากที่สุดเป็นการลงทุนในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ โดยที่สหรัฐฯประเทศเดียวทางบริษัทไปลงทุนไว้คิดเป็น 34% ของการลงทุนทั้งหมด ขณะที่ภูมิภาคยุโรปไปลงทุนไว้คิดเป็น 35% ส่วนเอเชียเท่ากับ 23% และออสเตรเลเชีย คิดเป็น 2%
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วซึ่งวิกฤตภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ได้ลุกลามกลายเป็นวิกฤตสินเชื่อทั่วโลก จีไอซีก็ได้ลงทุนในแบงก์และสถาบันการเงินชื่อดัง ซึ่งประสบปัญหาสภาพคล่องฐานะเซซวด
โดยในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จีไอซีประกาศอัดฉีดเงินเพื่อซื้อหุ้นเป็นจำนวน 11,000 ล้านฟรังสวิส (10,200 ล้านดอลลาร์) ในยูบีเอส แบงก์ยักษ์ของสวิตเซอร์แลนด์ และเดือนมกราคมก็แถลงข่าวปล่อยเงิน 6,880 ล้านดอลลาร์เข้าไปซื้อหุ้น ซิตี้กรุ๊ป ของสหรัฐฯ
ตัน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จีไอซีเชื่อว่าการลงทุนในยูบีเอสและซิตี้กรุ๊ปเช่นนี้ ในที่สุดแล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดี
ทางด้าน กิตเว่ยเจิ้ง นักวิเคราะห์ที่ทำงานให้กับซิตี้กรุ๊ป โดยประจำอยู่ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า อัตราผลตอบแทนที่จีไอซีทำได้ใน 20 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่หวือหวา