เอเอฟพี - เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ กองทุนความมั่งคั่งภาครัฐของรัฐบาลสิงคโปร์ อาจเดินจากไปพร้อมกับกำไรก้อนโตถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ จากการถือหุ้นในเมอร์ริล ลินช์ แม้วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังซวดเซอย่างหนักจากวิกฤตซับไพรม์จะแห่งนี้ถูกเทกโอเวอร์ก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายรายให้ความเห็นวานนี้ (16)
“หากมองจากมุมมองของเทมาเส็ก การถือหุ้นในเมอร์ริลยังคงออกมาในทางที่ดี” เดวิด โคเฮน จากสถาบันวิจัยด้านที่อยู่อาศัย “แอคชั่น อีโคโนมิกส์” กล่าว
แบงก์ออฟอเมริกา ซึ่งเป็นแบงก์ใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ ออกคำแถลงเมื่อวันจันทร์ (15) ระบุว่า ได้เข้าซื้อ เมอร์ริล ซึ่งเทมาเส็กเป็นผู้ถือรายใหญ่ที่สุด ด้วยวิธีการแลกหุ้นกันในราคา 50,000 ล้านดอลลาร์
หากเทมาเส็กตัดสินใจขายหุ้นในเมอร์ริลก็จะได้กำไรสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้จากการคำนวณของอีเลียน มิฮอฟ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจอินสีด (INSEAD) วิทยาเขตสิงคโปร์
เมื่อเดือนธันวาคม เทมาเส็กเริ่มการอัดฉีดเงินหลายพันล้านเข้าไปในเมอร์ริล ซึ่งขาดทุนจำนวนมหาศาล หลังจากปีที่แล้วราคาหุ้นดิ่งฮวบลงถึง 78 เปอร์เซ็นต์ เพราะตลาดตราสารสินเชื่อซับไพรม์ล้มคว่ำลงอย่างรุนแรง
การลงทุนช่วงแรกของเทมาเส็ก ซึ่งเข้าถือหุ้นมูลค่า 4,900 ล้านดอลลาร์ อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ภายใน 12 เดือนข้างหน้า ถ้าเมอร์ริลต้องการเพิ่มทุนด้วยการขายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าหุ้นละ 48 ดอลลาร์ อันเป็นราคาที่เทมาเส็กเข้าซื้อแล้ว เมอร์ริลจะต้องชดเชยเงินส่วนต่างราคาให้เทมาเส็ก
เงื่อนไขดังกล่าวส่งผลให้เทมาเส็กได้ค่าชดเชยผลต่างราคาหุ้นจำนวน 2,500 ล้านดอลลาร์ แล้วก็ควักเงินตัวเองเพิ่มอีก 900 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งสิ้น 3,400 ล้านดอลลาร์ กลับไปซื้อหุ้นในเมอร์ริลเพิ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำนักข่าวดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ส รายงานว่า มาตรการป้องกันดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นเมอร์ริลถูกลงครึ่งหนึ่ง จากตอนแรกที่เทมาเส็กซื้อในราคาหุ้นละ 48 ดอลลาร์ ก็ลดลงเหลือ 24 ดอลลาร์
ข้อตกลงซื้อขายของแบงก์ออฟอเมริกานั้น เสนอรับซื้อหุ้นเมอร์ริลในราคาหุ้นละ 29 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับราคาปิดในวันศุกร์ (12) ที่ 17.05 ดอลลาร์
หากเทมาเส็กขายหุ้นให้แบงก์ออฟอเมริกา วิสาหกิจเพื่อการลงทุนของภาครัฐของสิงคโปร์แห่งนี้ “อาจเดินจากไปพร้อมกับกำไร อย่างน้อยๆ ก็จากเงื่อนไขข้อตกลงซื้อขายหุ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม” โคเฮน กล่าว
ขณะที่ศาสตราจารย์ มิฮอฟ คาดการณ์ว่า ผลตอบแทนการลงทุนที่มีทางจะเป็นไปได้สำหรับเทมาเส็กน่าจะสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ที่เดียว
“ดังนั้น นี่จึงเป็นผลตอบแทนที่งดงามเหลือเกินในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้” มิฮอฟ กล่าว พร้อมเสริมว่า ยังไม่แน่ชัดว่าเทมาเส็กจะเลือกขายหุ้นเมอร์ริลเพื่อรับเงินสด หรือจะขายแบบแลกหุ้นกันกับแบงก์ออฟอเมริกา หากเทมาเส็กเล็งเห็นผลประโยชน์ระยะยาวจากธนาคารดังกล่าว
ด้านโฆษกของเทมาเส็ก ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความเห็นใดๆ เรื่องข้อตกลงซื้อขายกับแบงก์ออฟอเมริกา