เอเจนซี - เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงก์ กำลังถูกบีบให้หาทางเจรจาเพื่อขายกิจการของตัวเอง หลังจากราคาหุ้นของวาณิชธนกิจที่เคยใหญ่โตครองอันดับ 4 ของวอลล์สตรีทแห่งนี้ ร่วงลงไปอีกมากกว่า 40% เมื่อวันพฤหัสบดี (11) และทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามอย่างเคร่งเครียดว่าเลห์แมนจะไปรอดหรือไม่
มีรายงานหลายกระแส ระบุว่า ตอนนี้เลห์แมนกำลังหารือกับทางการสหรัฐฯ อย่างเข้มข้นเพื่อหาทางออกจากวิกฤตนี้ ซึ่งก็มีทางเลือกหลายทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายแบงก์แห่งนี้ทั้งแบงก์ให้กับผู้สนใจ อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีรายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้เลห์แมนกำลังมีท่าทีคัดค้านไม่ยอมรับทางเลือกทางหนึ่งอย่างแข็งขัน นั่นคือ ไม่ต้องการให้ทางการเข้ามาแทรกแซง
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า เวลานี้ทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่างเข้าร่วมในการหารือด้วย ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวอีกคนหนึ่งก็บอกว่า ทางการสหรัฐฯ เองก็หวังว่าจะสามารถหลีกเลี่ยง ไม่ต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปพยุงสถานะของเลห์แมน
มีรายงานจากหลายกระแส บอกตรงกันว่า แบงก์ออฟอเมริกา หรือไม่ก็บาร์เคลย์สแบงก์ น่าจะเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อเลห์แมนครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทั้งแบงก์ออฟอเมริกา บาร์เคลย์ส และเลห์แมน ต่างก็ยังไม่ยอมให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้
ดิ๊ก ฟัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเลห์แมน พยายามยืนหยัดมานานแล้วในการต่อต้านแนวทางใดๆ ที่จะทำให้เลห์แมนสูญเสียความสามารถในการบริหารงานในธุรกิจของตนไป และเวลานี้เขาก็ยังเสนอให้แค่ขายหุ้นบางส่วนของแบงก์ซึ่งมีอายุ 158 ปีนี้ออกไปแทนที่จะขายทั้งบริษัท
อย่างไรก็ตาม บรรดานักลงทุนซึ่งอยากจะเห็นมาตรการแก้ไขปัญหาที่น่าเชื่อถือ ต่างก็เทขายหุ้นของเลห์แมนออกไป และทำให้ราคาดิ่งลงมากกว่า 42% เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากที่ดิ่งลงมาอย่างหนักแล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เนื่องจากสิ่งที่เลห์แมนแถลงออกมากลับทำให้นักลงทุนวิตกว่า บรรดาลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจของแบงก์จะหันไปทำธุรกิจกับสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ความมั่นคงมากกว่า
"แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากจะคาดว่าสถานการณ์เช่นนั้นคงจะหลีกเลี่ยงได้ แต่ตอนนี้ลูกค้าของเลห์แมนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ชักไม่ค่อยมั่นใจในเสถียรภาพของเลห์แมน" วิลเลี่ยม เลฟโควิตซ์ นักยุทธศาสตร์ตราสารอนุพันธ์ออปชั่น ของวีไฟแนนซ์ อินเวสเมนท์ ซึ่งเป็นนายหน้าค้าหุ้นในนิวยอร์กให้ความเห็น
หกเดือนหลังจากการล้มครืนลงของแบร์สเติร์นส์ ซึ่งในที่สุดแล้วถูกบังคับขายและถูกควบรวมโดยสถาบันการเงินแห่งอื่น ความเชื่อมั่นต่อรูปแบบทางธุรกิจในวอลสตรีท จึงกำลังเสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ราคาหุ้นของเลห์แมน ปิดวันพฤหัสบดีโดยลดลงไปอีก 3.03 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 4.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น และในการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หลังตลาดปิด ราคายังตกต่อจนถึงระดับ 3.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งๆ ที่เพียงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หุ้นของเลห์แมนยังพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 67.73 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ทว่านับจากนั้นมาราคาก็ได้ร่วงลงมากกว่า 90% แล้ว
วิกฤตครั้งนี้ประจวบเหมาะกับครบรอบ 7 ปีที่สำนักงานใหญ่ของเลห์แมนที่ตั้งอยู่ในตึกเวิร์ลดิ์เทรดถูกทำลายลงไปเมื่อครั้งเหตุการณ์ 9/11
การที่หุ้นร่วงลงรุนแรงเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้มูลค่าตามราคาตลาดหลักทรัพย์ของเลห์แมน ลดลงไปเหลือแค่ 2,930 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าวาณิชธนกิจรายเล็กๆ อย่างฮันติงตัน แบงก์แชร์,เรย์มอนด์ เจมส์ ไฟแนนเชี่ยลเสียอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์เลห์แมนถูกจัดเป็นวาณิชธนกิจอันดับ 4 ของสหรัฐฯ
"ไม่ว่าเลห์แมนจะพยายามทำให้ผู้ลงทุนคลายความกังวลเพียงใด แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะพวกเขายังไม่ได้ยินคำตอบที่พวกเขาต้องการ" โรส แกรนท์ กรรมการผู้จัดการของอินเทิร์นส อินเวสเมนต์ แอดไวเซอร์สกล่าว
"และตอนนี้นักลงทุนก็ขาดความศรัทธา ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจในเลห์แมนโดยสิ้นเชิง" แกรนท์พูดต่อ