xs
xsm
sm
md
lg

บ.น้ำมันสั่งหยุดผลิตก่อน "กุสตาฟ" กระหน่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
เอเจนซี - บรรดาบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ หยุดการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริเวณนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกเกือบทั้งหมด รวมทั้งเร่งหยุดการกลั่นน้ำมันในโรงกลั่นแถบลุยเซียนาในวันอาทิตย์ (31) ก่อนหน้าที่เฮอริเคนกุสตาฟจะขึ้นฝั่ง

เฮอริเคนกุสตาฟกำลังจะขึ้นฝั่งที่มลรัฐลุยเซียนา ตรงชายฝั่งทางตะวันตกของเมืองนิวออร์ลีนส์ในเช้าวันจันทร์ (1) โดยมีความรุนแรงในระดับ 3 ด้วยระดับความเร็วลม 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ครั้งแรกว่าอุตสาหกรรมพลังงานมีความพร้อมรับสถานการณ์มากน้อยเพียงใด หลังจากเคยถูกเฮอริเคนแคทรินา และริตา พัดถล่มเสียหายอย่างหนักไปเมื่อปี 2005

ในบริเวณอ่าวเม็กซิโกซึ่งโดยปกติแล้วเป็นแหล่งผลิตน้ำมันถึงราว 1 ใน 4 ของการผลิตทั่วสหรัฐฯ และผลิตก๊าซธรรมชาติได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตทั้งหมด บรรดาบริษัทน้ำมันต่างก็สั่งหยุดการผลิตน้ำมันในบริเวณดังกล่าวลงกว่า 96 เปอร์เซ็นต์และหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติ 82 เปอร์เซ็นต์ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์

นอกจากนั้น โรงกลั่นน้ำมันอย่างน้อย 9 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 12.5 เปอร์เซ็นต์ของขีดความสามารถในการกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ก็ถูกปิดตลอดแนวชายฝั่งด้านใต้ของลุยเซียนาก่อนที่เฮอริเคนกุสตาฟจะขึ้นฝั่งเช่นกัน

ขณะเดียวกันโรงกลั่นน้ำมันอื่นๆ อีกมากกว่า 6 แห่ง ซึ่งรวมทั้งโรงกลั่นของเอซซอนโมบิลในเบย์ทาวน์ เทกซัส และโรงกลั่นเบตอง รูจในลุยเซียนา ซึ่งเป็นโรงกลั่นใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ก็กำลังลดอัตราการกลั่นลง

"พายุครั้งนี้ร้ายแรงอย่างแน่นอน แต่ผมคิดว่าทางตลาดก็ยังรอดูสถานการณ์อยู่ว่าจะมีผลกระทบต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและโครงสร้างท่อส่งน้ำมันหรือไม่ แล้วจึงค่อยตัดสินใจอีกที" เจรารด์ บูร์ก นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์แห่งเนชันแนล แบงก์ ออฟ ออสเตรเลียในเมลเบิร์นให้ความเห็น

เฮอริเคนแคทรินาและริตาเคยทำลายแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ไปกว่า 100 แห่งเมื่อปี 2005 จนต้องหยุดการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ลงถึง 1 ใน 4 และปิดโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่หลายแห่งเป็นเวลาหลายเดือน โดยในครั้งนั้นเฮอริเคนแคทรินามีความรุนแรงอยู่ในระดับ 3 และเกิดการยกตัวของระดับน้ำทะเล (สตอร์ม เซอร์จ) สูงถึง 8.5 เมตรเมื่อพัดขึ้นฝั่ง

ทั้งนี้ โดยปกติแล้วอ่าวเม็กซิโกเป็นบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันได้ถึง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับราว 1.5 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก และยังเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติถึงวันละ 7,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต

นอกจากการสั่งปิดแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรวมทั้งโรงกลั่นต่างๆ แล้ว บริษัทพลังงานต่างก็ยังหยุดระบบการขนส่งเชื้อเพลิงที่สำคัญด้วย โดยท่าขนส่งน้ำมันนอกชายฝั่งลุยเซียนา (แอลโอโอพี) ซึ่งเป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวที่มีความสามารถในการขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุด รวมทั้งมีท่อรับน้ำมันดิบนำเข้าขนาดใหญ่ ก็ได้หยุดดำเนินการแล้วในวันอาทิตย์เช่นกัน

เป็นที่คาดว่าเฮอริเคนกุสตาฟจะพัดขึ้นฝั่งในบริเวณทางตะวันตกซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ของท่าขนส่งแอลโอโอพีตั้งอยู่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองแกลลิอาโน รัฐลุยเซียนา

"มันมุ่งหน้าตรงมาที่เราเลย เหมือนกับว่าเราอยู่ที่จุดศูนย์กลางพายุ" บาร์บ เฮสเตอร์มานน์ โฆษกหญิงของแอลโอโอพีบอก

อนึ่ง การจราจรในแม่น้ำมิสซิสซิปปี ทางใต้ของนิวออร์ลีนส์ ก็ปิดลงเช่นกันตั้งแต่ในคืนวันเสาร์ ส่วนการเดินเรือเข้าไปในทะเลสาบชาร์ลส์ทางตะวันตกของลุยเซียนาและฮุสตัน โบมอนต์ และพอร์ตอาเธอร์ในเทกซัสก็หยุดไปตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ ซึ่งเท่ากับหยุดการขนส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นด้วย

บริษัทใหญ่อย่างเชลล์ ออยล์ โค ระบุว่า จะหยุดการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกในคืนวันอาทิตย์ และคนงาน 1,300 คนของบริษัทได้ขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้ว บริษัทคู่แข่งอย่างบีพี เชฟรอน ก็หยุดการผลิตเกือบทั้งหมดลงเช่นกัน ส่วนโคโนโคฟิลิปส์ และเอซซอนอยู่ในระหว่างการหยุดการผลิตและอพยพคนงานขึ้นฝั่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น