เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงต่ำกว่า 116 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ (8) สืบเนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและความกังวลต่อดีมานด์พลังงานที่ลดลง ขณะที่อิรักเปิดเผยว่ากำลังเริ่มดำเนินการสำรวจแหล่งสำรองน้ำมันขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ได้ระงับโครงการดังกล่าวมานานเกือบ 20 ปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ ซื้อขายกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ร่วงลงไป 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 115.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ส่งมอบงวดเดียวกัน ตกลงมา 2 ดอลลาร์เช่นกัน ปิดที่ 118.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดาวโจนส์นิวไวร์อ้างคำสัมภาษณ์ของเซอร์เก ลัวเรอู นักยุทธศาสตร์ด้านน้ำมันจากธนาคารซาโซว่า ราคาน้ำมัน "ได้รับแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นๆจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและมันดูเหมือนจะไม่ย้อนกลับในตอนนี้"
ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติแข็งค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโรในรอบ 5 เดือน เมื่อวันศุกร์ หลังเห็นความหวังจากการที่ธนาคารยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผู้ค้าเผย
ขณะเดียวกันอิรักประกาศเริ่มดำเนินการสำรวจแหล่งสำรองน้ำมันขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ได้ระงับโครงการดังกล่าวมานานเกือบ 20 ปีเพราะเผชิญอุปสรรคจากมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ
ทั้งนี้ อิรัก หวังว่า คณะสำรวจจะค้นพบแหล่งสำรองน้ำมันที่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองในประเทศมากขึ้นเป็น 2 เท่า โดยขณะนี้ อิรักมีน้ำมันสำรองอยู่ที่ 1.15 แสนล้านบาร์เรล
อิรัก บอกว่า พวกเขาต้องการเพิ่มส่งออกน้ำมันอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สามารถส่งออกได้เฉลี่ย 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับกำลังการส่งออกสูงสุดก่อนถูกสหรัฐฯและชาติพันธมิตรบุกรุกในเดือนมีนาคม 2003
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดกลับขึ้นไปเฉียด 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดี (7)เนื่องจากเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันในส่วนที่อยู่ในตุรกีของท่อน้ำมันสายบากู-ทบิลิซี-เซย์ฮาน ที่ลำเลียงน้ำมันจากเอเชียกลางไปยังตะวันตก แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง และคาดกันว่าจะต้องปิดท่อน้ำมันสายนี้ 1-2 สัปดาห์