ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดกลับขึ้นไปกว่า 1 ดอลลาร์ ในการซื้อขายวันพฤหัสบดี (7) เนื่องจากเทรดเดอร์เล่นกับข่าวเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันในตุรกี หลังจากเมื่อวันพุธ(8) ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเพราะปริมาณน้ำมันตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น
ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 119.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดี เวลา 9.24 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 16.24 น.เมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ก็ไต่ขึ้นไป 1.28 ดอลลาร์ อยู่ที่ 118.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุมาจากการวางระเบิดท่อน้ำมันในส่วนที่อยู่ในตุรกี ของท่อน้ำมันสายบากู-ทบิลิซี-เซย์ฮาน โดยฝีมือพวกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง และคาดกันว่าจะต้องปิดท่อน้ำมันสายนี้ 1-2 สัปดาห์
ส่วนเมื่อวันพุธ ปัจจัยหลักที่ดึงราคาน้ำมันลงมาก็คือการประกาศตัวเลขน้ำมันดิบตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯประจำสัปดาห์ ซึ่งปรากฏว่า น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 1.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดว่าจะสูงขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และชี้ให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯลดลงมากกว่าที่คาดไว้
ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 119.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดี เวลา 9.24 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 16.24 น.เมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ก็ไต่ขึ้นไป 1.28 ดอลลาร์ อยู่ที่ 118.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุมาจากการวางระเบิดท่อน้ำมันในส่วนที่อยู่ในตุรกี ของท่อน้ำมันสายบากู-ทบิลิซี-เซย์ฮาน โดยฝีมือพวกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง และคาดกันว่าจะต้องปิดท่อน้ำมันสายนี้ 1-2 สัปดาห์
ส่วนเมื่อวันพุธ ปัจจัยหลักที่ดึงราคาน้ำมันลงมาก็คือการประกาศตัวเลขน้ำมันดิบตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯประจำสัปดาห์ ซึ่งปรากฏว่า น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 1.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดว่าจะสูงขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และชี้ให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯลดลงมากกว่าที่คาดไว้
