เอเจนซี - น้ำมันร่วงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลังช่วงหนึ่งของการซื้อขายดิ่งไปแตะ 117 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพุธ (6) จากปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและดีมานด์ที่ค่อยๆ ลดลงของชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก
ราคาน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ ลดลง 59 เซนต์ ปิดที่ 118.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยการซื้อขายช่วงหนึ่งดิ่งลงไปแตะ 117.11 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม และร่วงลงไปแล้วกว่า 30 ดอลลาร์ ตั้งแต่ทำสถิติสูงสุด 147.27 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ในลอนดอนก็ร่วงลงไป 92 เซนต์ ปิดที่ 116.78 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงมีขึ้นหลังรายงานประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ ชี้ว่า สต๊อกน้ำมันดิบชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ถึงวันที่ 1 สิงหาคม เกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดคะเนไว้ 300,000 บาร์เรล
ด้านสต๊อกน้ำมันกลั่น รวมไปถึงน้ำมันใช้ทำความร้อนและดีเซล เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้เช่นกัน แต่สต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล เกินกว่าที่คาด 1.2 ล้านบาร์เรล
“ข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าสต๊อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ราคาตกลง แต่ด้วยปริมาณน้ำมันเบนซินที่ลดลงมากกว่าที่คาดก็ดึงดูดการซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรเช่นกัน” ฟิล ฟีนน์ นักวิเคราะห์จากอลารอนเทรดดิ้งกล่าว
สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางหลักฐานที่บ่งชี้ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลต่อการบริโภคน้ำมันที่ลดลง
ก่อนหน้านี้ แองกัส แมคฟาอิล นักวิเคราะห์แห่งอะลายแอนซ์ ทรัสต์ บริษัทลงทุนในอังกฤษ กล่าวว่า ระลอกการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ได้มาถึงจุดจบแล้ว “ตอนนี้พวกเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ก็เทขายทำกำไรกันทั้งนั้น” โดยเขาเห็นว่า ราคาน้ำมันอาจจะร่วงลงไปถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนหน้า หากว่ายังมีข้อมูลเรื่องความต้องการใช้ที่ลดลง ทยอยออกมาอีกเรื่อยๆ
