เอเจนซี - มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย จากเหตุจลาจลในเมืองหลวงของมองโกเลีย ที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาโกงการเลือกตั้ง กลบความคาดหวังที่ต้องการเห็นรัฐบาลที่แข็งแกร่งเข้าไปพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่และจัดการกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อ
ประธานาธิบดีนัมบาริน อิงค์บายาร์ ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 4 วัน เมื่อวันอังคาร (1) หลังจากเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจผลการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปะทะกับตำรวจ และจุดไฟเผาสำนักงานใหญ่ของพรรคปฏิวัติแห่งประชาชนมองโกเลีย (เอ็มพีอาร์พี) ซึ่งเป็นอดีตพรรคคอมมิวนิสต์
ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งประกาศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมองโกเลีย หมายความว่าห้ามชุมนุมและทหารความมั่นคงสามารถใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วง
“ณ เวลานี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงของประเทศกลับสู่ภาวะปกติ มันสงบมากหากเทียบกับเมื่อวานนนี้ แต่ทหารยังคงต้องอยู่บนถนน” ผู้บัญชาการตำรวจเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ของรัฐ
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า มีพลเรือน 220 คน และเจ้าหน้าที่ 108 คน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ ขณะที่ผู้ประท้วงราว 700 คน ถูกจับกุม
คณะกรรมาธิการเลือกตั้งของมองโกเลีย ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการของการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (29) แต่ผลในเบื้องต้นชี้ว่า พรรคเอ็มพีอาร์พี ซึ่งปกครองประเทศมานานกว่า 1 ศตวรรษ ครองเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา 76 ที่นั่ง
พรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน บอกว่า พวกเขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่สมาชิกพรรคยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรง และหวังหารือกับพรรคเอ็มพีอาร์พีในความพยายามคลี่คลายสถานการณ์
รัฐสภาเปิดประชุมสมัยวิสามัญในช่วงค่ำวันพุธ เพื่อรับรองการประกาศภาวะฉุกเฉินของประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
ความไม่สงบอาจคุกคามข้อตกลงการลงทุนผลักดันโครงการเหมืองแร่ ที่ชาวมองโกเลียต่างคาดหวังว่า รัฐบาลที่แข็งแกร่งจะเข้าไปทบทวนกฎหมายการทำเหมืองแร่ รวมทั้งสนับสนุนข้อตกลงการลงทุนที่จะผลักดันให้โครงการเหมืองแร่ทองแดงและทองคำโอยู โตลโกอิ ในทะเลทรายโกบี
ขณะที่บริษัทพัฒนาเหมืองแร่ในโครงการโอยู โตลโกอิ คาดการณ์ว่า ข้อตกลงทำเหมืองดังกล่าวจะกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้ถึง 34% และอาจปูทางไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ด้านอื่น รวมทั้งถ่านหินและยูเรเนียมในอนาคต
