xs
xsm
sm
md
lg

ประธานโอเปกบอกห่วงอุปสงค์จะลด ทำให้ไม่ทุ่มลงทุนขยายการผลิตน้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานโอเปก
เอเอฟพี - ประธานโอเปก ชาคิบ เคลิล กล่าววานนี้ (1) ว่า ทางองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมีความเป็นห่วงว่า อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตอาจจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอ จนสมควรแก่การลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น ปรากฏว่าคำพูดของเขามีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งลิ่วขึ้นไปกว่า 2 ดอลลาร์

"ความเป็นห่วงที่เรามีอยู่ก็คือ เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของอุปสงค์" คาลิล ผู้เป็นรัฐมนตรีน้ำมันของแอลจีเรียด้วย กล่าวกับบรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำมันซึ่งใช้ชื่อว่า เวิลด์ ปิโตรเลียม คองเกรส ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน

เขาบอกว่า มี "ความไม่แน่นอนใหญ่ๆ หลายประการ" ซึ่งทำให้พวกสมาชิกองค์การโอเปกที่เวลานี้สูบน้ำมันออกมาราว 40% ของน้ำมันโลก ลังเลที่จะดำเนินการลงทุนจำนวนมหึมาในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มผลผลิต

"ผมไม่คิดว่าจะมีใครสงสัยหรอกว่า เรามีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ ประเด็นจะไปอยู่ที่ว่า เราสามารถที่จะนำเอามันออกมาสนองต่อตลาดหรือเปล่าต่างหาก" เขากล่าวต่อ

พวกประเทศผู้บริโภคกำลังเรียกร้องให้องค์การโอเปกเพิ่มการผลิตน้ำมันให้มากขึ้น รวมทั้งปรารถนาที่จะเห็นการลงทุนเพิ่มศักยภาพการผลิต เพื่อจะได้ทำให้ราคาอันสูงลิ่วในตลาดลดต่ำลงมา ทว่าคำพูดของเคลิล ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงแรงต่อต้านในประเทศผู้ผลิตน้ำมันจำนวนมาก

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในอนาคต มีปัจจัยสำคัญๆ อยู่หลายประการ อาทิ การลงทุนเพิ่มมากขึ้นในเรื่องแหล่งพลังงานทางเลือก,ผลกระทบของมาตรการประหยัดน้ำมัน, อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทรุดต่ำลง และการค้นหาแหล่งน้ำมันในประเทศนอกโอเปกซึ่งกำลังเพิ่มทวีขึ้น

แต่ละปัจจัยเหล่านี้ต่างสามารถที่จะลดอุปสงค์ความต้องการน้ำมันจากโอเปกลงมาในอนาคตได้ทั้งนั้น และเคลิล บอกว่า ทางโอเปกจำเป็นจะต้องได้เห็น "ความน่าเชื่อถือในเรื่องอุปสงค์ในอนาคต" จึงจะกล้าลงทุนขนาดใหญ่ๆ

เขาย้ำว่า ความปั่นป่วนผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเชื่องช้าลง อีกทั้งความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯอาจถึงขั้นถลำลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เหล่านี้ก็ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในทางด้านการผลิตและการกลั่นน้ำมันไปเรียบร้อยแล้ว

คำพูดของประธานโอเปกคราวนี้ ได้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกวานนี้พุ่งแรง โดยในช่วงราวเที่ยงของลอนดอน สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ กระโจนขึ้น 2.20 ดอลลาร์ ไปยืนที่ 142.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ทะยานขึ้นไป 2.45 ดอลลาร์ อยู่ที่ 142.28 ดอลลาร์

เมื่อวันจันทร์ (30) น้ำมันดิบพุ่งทะยานแรง จนการซื้อขายช่วงหนึ่ง ไลต์สวีตครูดอยู่ที่ 143.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พอถึงตอนปิดก็กลับถอยลงมา เหลือ 140.00 ดอลลาร์ ต่ำลงจากตอนปิดวันศุกร์ (27) อยู่ 21 เซ็นต์

อนึ่ง หนังสือพิมพ์อัลซิยัสซาห์ของคูเวตฉบับวานนี้(1) ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้ทรงตรัสว่า ประเทศผู้บริโภคทั้งหลายควรจะต้องทำตัวให้เคยชินกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงๆ

"บรรดาประเทศผู้บริโภคจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับระดับราคาและกลไกของตลาด" พระประมุขของซาอุดีอาระเบียมีพระราชดำรัส

"เราไม่ได้มีส่วนอะไรกับการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานขึ้นไปในเวลานี้" กษัตริย์อับดุลเลาะห์ตรัส พร้อมกับทรงย้ำถึงจุดยืนของซาอุดีอาระเบียที่ว่า การเก็งกำไร,อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และการเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์น้ำมันของพวกประเทศผู้บริโภค คือปัจจัยที่พึงต้องถูกกล่าวโทษ
กำลังโหลดความคิดเห็น