เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมากกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี (28) ทั้งๆ ที่ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันตามคลังเก็บทั่วประเทศประจำสัปดาห์ล่าสุด ตกฮวบรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004 โดยพวกนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์อ้างปัจจัยเรื่องความกังวลที่ประเทศต่างๆ กำลังมีความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง,ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งแข็งขึ้น รวมทั้งพวกกองทุนเก็งกำไรพากันเทขาย
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ปิดวันพฤหัสบดี โดยไหลลง 4.41 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 126.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ดำดิ่ง 4.04 ดอลลาร์ มายืนที่ 126.89 ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันทรุด ก็คือข่าวที่ว่าคณะกรรมการการซื้อขายอนุพันธ์ฟิวเจอร์สด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ (CFTC) บอกว่าจะเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวังการซื้อขายพลังงาน,การติดตามความเคลื่อนไหวของพวกกองทุนดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ และจะขอข้อมูลจากทางอังกฤษ เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายน้ำมันที่อิงกับน้ำมันดิบของสหรัฐฯแต่ไปซื้อขายอยู่ในตลาดที่แดนผู้ดี
พวกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ได้กระทุ้ง CFTC มาแรมเดือนแล้วให้ปรับปรุงมาตรการติดตาม และปราบปรามพวกนักเก็งกำไร ซึ่งสมาชิกรัฐสภาเหล่านี้มองว่า เป็นตัวการดันราคาพลังงานให้พุ่งทะยานทำนิวไฮ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ปิดวันพฤหัสบดี โดยไหลลง 4.41 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 126.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ดำดิ่ง 4.04 ดอลลาร์ มายืนที่ 126.89 ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันทรุด ก็คือข่าวที่ว่าคณะกรรมการการซื้อขายอนุพันธ์ฟิวเจอร์สด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ (CFTC) บอกว่าจะเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวังการซื้อขายพลังงาน,การติดตามความเคลื่อนไหวของพวกกองทุนดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ และจะขอข้อมูลจากทางอังกฤษ เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายน้ำมันที่อิงกับน้ำมันดิบของสหรัฐฯแต่ไปซื้อขายอยู่ในตลาดที่แดนผู้ดี
พวกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ได้กระทุ้ง CFTC มาแรมเดือนแล้วให้ปรับปรุงมาตรการติดตาม และปราบปรามพวกนักเก็งกำไร ซึ่งสมาชิกรัฐสภาเหล่านี้มองว่า เป็นตัวการดันราคาพลังงานให้พุ่งทะยานทำนิวไฮ