xs
xsm
sm
md
lg

จีนสำรวจความเสียหายจากแผ่นดินไหว

เผยแพร่:   โดย: โดย John Ng

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

China counts earthquake costs
By John Ng
13/05/2008

หลังจากที่ตอนแรกๆ ประเมินความเสียหายของแผ่นดินไหว ซึ่งระบุกันว่าคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 10,000 คนคราวนี้ เอาไว้ต่ำเกินไป ทางการผู้รับผิดชอบของจีนก็ออกมาขอให้เร่งรีบช่วยเหลือภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศซึ่งกำลังประสบเคราะห์ เวลานี้ยังไม่อาจทราบได้อย่างชัดเจนว่าโศกนาฎกรรมครั้งนี้สร้างความหายนะมากมายขนาดไหน ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจก็เพิ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็นเช่นเดียวกัน

ฮ่องกง – หลังจากยอมรับว่าพวกเขาประเมินความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวระดับความรุนแรง 7.9 ซึ่งถล่มใส่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเมื่อบ่ายวันจันทร์(12)ต่ำกว่าความเป็นจริง ทางการผู้รับผิดชอบของจีนก็ได้ออกคำขอร้องเร่งด่วน ให้จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือไปยังภูมิภาคดังกล่าว เป็นการเพิ่มเติมกำลังทหารกองทัพปลดแอกประชาชน 17,000 คน ที่ได้ถูกส่งไปยังพื้นที่ประสบภัยเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวบอกว่ามีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 10,000 คนในเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งรุนแรงที่สุดที่กระหน่ำใส่ประเทศในรอบระยะเวลา 58 ปีที่ผ่านมา แล้วก็มีอีกหลายหมื่นคน รวมทั้งนักเรียนจำนวนหนึ่งด้วยที่ยังคงติดอยู่ใต้ซากของบรรดาบ้านเรือน โรงเรียน และโรงงานซึ่งพังทลายลงมา คาดกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะพุ่งขึ้นอีกมาก เนื่องจากมีรายงานผู้ที่ยังสูญหายหาไม่พบอยู่เป็นจำนวนหลายพันหลายหมื่นคน

ประธานาธิบดีหูจิ่นเทาได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะกรมการเมืองประจำ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในคืนวันจันทร์ และสั่งการให้กองทัพบก, กองกำลังตำรวจติดอาวุธ, และกองกำลังกึ่งทหารอื่นๆ, ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ เดินทางไปพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวโดยเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า ได้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวในทันทีเพื่อดูแลงานกู้ภัย เขาเอ่ยปากเตือนว่าสถานการณ์มีความร้ายแรงสาหัสมาก “ภัยพิบัติครั้งนี้เลวร้ายยิ่งกว่าที่เราประเมินกันไว้ในตอนแรก และเราจำเป็นต้องได้คนมาเพิ่มเติมเพื่อช่วยกันปฏิบัติงาน” เวินบอก โดยที่เขาพูดจากศูนย์บัญชาการบรรเทาภัยพิบัติ ที่เมืองตูเจียนเยี่ยน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัยสาหัสที่สุด

ปฏิกิริยาของคณะผู้นำจีนนับว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคณะทหารผู้ปกครองพม่า ซึ่งความพยายามบรรเทาทุกข์ภายหลังพายุไซโคลนที่ถูกระบุว่าคร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นคนนั้น ยังคงดำเนินไปอย่างแย่เต็มที รวมทั้งความช่วยเหลือต่างๆ จากต่างประเทศก็ถูกกีดขวางไม่ให้เข้าประเทศ

กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนออกคำแถลงจากกรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคาร(13)ว่า แผ่นดินไหวคราวนี้สร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ใน 8 มณฑล ได้แก่ เสฉวน (ซื่อชวน), กานซู่, ส่านซี, หยุนหนาน, ซานซี, กุ้ยโจว, หูเป่ย, และมหานครฉงชิ่ง (ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ามณฑล)

ตอนแรกทีเดียว คณะกรรมการบรรเทาภัยพิบัติแห่งรัฐ และกระทรวงกิจการพลเรือน ดำเนินการบรรเทาทุกข์แผ่นดินไหวคราวนี้ตามมาตรการของ “แผนการตอบโต้ฉุกเฉินระดับสอง” แต่ต่อมาก็ปรับให้ไปใช้มาตรการของแผนการระดับหนึ่ง ทั้งนี้ตามระเบียบวิธีปฏิบัติของจีนนั้น จะแบ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติตามความรุนแรงเป็น 4 ระดับ แผนการฉุกเฉินระดับหนึ่งนั้นเป็นมาตรการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรงสาหัสที่สุด

จำนวนผู้เสียชีวิตเท่าที่รายงานกันออกมาในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขคนตายจากเหตุแผ่นดินไหวสูงที่สุดในจีน ภายหลังจากที่เมืองถังซาน ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ประสบภัยแผ่นดินไหวจนพังพินาศยับเยินทำให้มีผู้เสียชีวิต 242,000 คนในปี 1976 โดยธรณีพิโรธคราวนั้นมีความรุนแรงอย่างน้อยที่สุดระดับ 7.8 สำหรับแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นในทิเบตเมื่อปี 1950 นั้น ยังมีความรุนแรงยิ่งกว่าทั้งคราวถังซานและครั้งนี้ กล่าวคือ อยู่ในระดับ 8.6 ทว่ามีผู้เสียชีวิตไม่สูงมาก นั่นคือ 1,526 คน

แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ มีรายงานว่าส่งแรงสั่นสะเทือนไปไกลจนรู้สึกได้ทั้งที่ฮ่องกง, ไทเป, และกระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นดินเหนือจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว (epicenter) ถึงราว 1,800 กิโลเมตร ทั้งนี้พื้นดินเหนือจุดศูนย์กลางดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตู ซึ่งมีประชากรกว่า 12 ล้านคน ประมาณ 93 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองฉงชิ่งที่มีผู้คน 30 ล้านคน ราวๆ 260 กิโลเมตร

ทางด้านบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และบริษัทญี่ปุ่นอีกหลายแห่ง ได้ให้โรงงานของพวกตนในมณฑลซื่อชวน หยุดการดำเนินงานชั่วคราว โรงงานร่วมทุนแห่งหนึ่งของโตโยต้าที่เมืองเฉิงตู ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถโดยสารขนาดเล็กและรถเอสยูวี ก็ถูกสั่งปิดไปด้วย กิจการร่วมทุนแห่งนี้ที่ใช้ชื่อว่า ซื่อชวน ฟาว โตโยต้า มอเตอร์ สามารถผลิตรถได้ปีละ 13,000 คัน และว่าจ้างพนักงาน 1,600 คน

การซื้อขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ตั้งฐานอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งรวมแล้วมีทั้งสิ้น 66 บริษัท ได้ถูกสั่งหยุดพักชั่วคราวตั้งแต่วันอังคาร สำหรับการประเมินสถานการณ์แบบรวดเร็วเฉพาะหน้า ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติคราวนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจมหภาคของจีนอย่างไรนั้น ปรากฏว่าพวกนักเศรษฐศาสตร์ในสถาบันต่างๆ ของต่างประเทศ มีความเห็นที่แตกต่างกันไปคนละทาง

สองนักวิเคราะห์ของสำนักเมอร์ริลล์ลินช์ คือ ที เจ บอนด์ กับ ลู่ถิง กล่าวในรายงานส่งถึงลูกค้าว่า “เราคิดว่าแผ่นดินไหวในวันนี้จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคของจีน น้อยกว่าพายุหิมะในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่ดูจากดัชนีราคาผู้บริโภค, ผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรม, และการส่งออก ดังนั้น เราจึงสรุปว่าแผ่นดินไหวคราวนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างสำคัญอะไรต่อบรรดานโยบายมหภาคในปัจจุบัน”

ขณะที่ หม่าจุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ดูแลจีนและดินแดนใกล้เคียง ของธนาคารดอยช์แบงก์ บอกว่า “ในระดับเศรษฐกิจมหภาคนั้น ความเห็นของเราในปัจจุบันมีว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นมาจะมีเพียงจำกัด พื้นดินจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวคราวนี้คืออำเภอเวิ่นชวน ของมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเขาที่มีการกลิตทางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมเพียงจำกัด อย่างไรก็ดี เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านการขนส่งและด้านโทรคมนาคม, มีแนวโน้มที่จะเกิดการขาดแคลนซัปพลายอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ซึ่งอาจผลักดันให้อาหารและราคาผู้บริโภคต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบกระเทือนเพิ่มสูงขึ้นได้ และภายหลังเกิดแผ่นดินไหวแล้ว การฟื้นฟูบูรณะก็น่าที่จะช่วยสนับสนุนการเร่งตัวในอัตราการขยายตัวของการลงทุนด้านสินทรัพย์ถาวร แม้จะอยู่ในระดับเพียงแค่พอประมาณเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ย่อมน่าจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันขาขึ้นต่อราคาของวัสดุก่อสร้างต่างๆ”

ทว่า วิลเลียม โอนีลล์ หุ้นส่วนผู้หนึ่งของ ลอจิก แอดไวเซอร์ส ในเมืองอัปเปอร์แซดเดิลริเวอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์ บอกกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “แผ่นดินไหวอาจจะเป็นตัวเพิ่มภาวะเงินเฟ้อได้ ขึ้นอยู่กับว่ามันกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหนต่อการขนส่ง มีผลผลิตทางการเกษตรปลูกกันมากทีเดียวในภูมิภาคดังกล่าว และนั่นย่อมอาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้”

แผ่นดินไหวคราวนี้ยังอาจจะลดความต้องการด้านพลังงานของประเทศลงไป เนื่องจากโรงไฟฟ้าและสายไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย ย่อมบังคับให้บริษัทต่างๆ ต้องปิดเครื่องจ่ายไฟฟ้า สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างบรรษัทโครงข่ายสายไฟฟ้าแห่งรัฐให้ข้อมูลว่า ภายหลังเกิดธรณีพิโรธ ไฟฟ้าในมณฑลส่านซีและเสฉวนได้ลดลงไปประมาณ 5.5 กิ๊กกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับเกือบ 1% ของความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ เฉพาะมณฑลเสฉวนแห่งเดียว ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้หดหายไปราว 4 กิ๊กกะวัตต์ทีเดียว

“แผ่นดินไหวครั้งนี้ในประเทศจีน อาจส่งผลกระทบทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของพวกโรงไฟฟ้าต่างๆ ลดต่ำลง” ฟิล ฟลินน์ เทรดเดอร์อาวุโสแห่ง อาลารอน เทรดดิ้ง คอร์ป ในชิคาโก กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับบลูมเบิร์ก “อันที่จริง ความต้องการใช้น้ำมัน(ในจีน)ได้ลดต่ำลงมาอยู่แล้วในเดือนเมษายน”

John Ng เป็นนักหนังสือพิมพ์อิสระซึ่งพำนักอยู่ที่ฮ่องกง

กำลังโหลดความคิดเห็น