xs
xsm
sm
md
lg

ราคา "ข้าว" แพงแต่ "ชาวนา" กลับไม่ได้อะไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวนาฟิลิปปินส์ขณะปักต้นกล้าลงในแปลง
เอเอฟพี - ทรินิแดด โดมิงโก เพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวจากนาแปลงเล็กๆ ของเธอ ที่บริเวณภาคเหนือของฟิลิปปินส์ แต่ราคาปุ๋ยและน้ำมันที่พุ่งทะลุฟ้า ทำให้เธอบอกว่าอาจจะไม่ปลูกข้าวในฤดูต่อไป

โดมิงโกก็เหมือนกับชาวนารายเล็กๆ อื่นๆ ในเอเชีย เธอมีนาอยู่ราว 2 เฮคตาร์ (ประมาณ 12 ไร่ 2 งาน) ที่ไม่ได้รับส้มหล่นจากการที่ราคาข้าวพุ่งขึ้นแต่อย่างใด แถมยังต้องจ่ายค่าปุ๋ยและเชื้อเพลิงจนแทบหมดตัว

เหอ ชางชุย ตัวแทนของสำนักงานอาหารและเกษตรของสหประชาชนประจำเอเชีย บอกว่า เชื้อเพลิงและปุ๋ยเป็นผู้ร้ายตัวเอ้ที่ทำให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้น เหอ กล่าวว่า ในประเทศไทย ราคาปุ๋ยทะยานขึ้นราว 30 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วเป็นต้นมา

"เราทุกคนรู้สึกว่าลำบากมากขึ้น เพราะมีรายได้ไม่พอกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น" โดมิงโกบอก

ตอนแรกเพื่อนๆ ชาวนาของโดมิงโกในเขตนูเอวา เอซิจาทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ก็พากันคิดว่าจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการที่ข้าวขาดตลาด

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาข้าวในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และรัฐบาลก็พยายามกว้านซื้อข้าวในตลาดต่างประเทศท่ามกลางการประกาศควบคุมการของประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ แต่ความรู้สึกชื่นบานของชาวนาเล็กๆ เหล่านั้นก็เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

"พวกผู้ซื้อรายใหญ่ไม่ซื้อข้าวอีกต่อไปแล้ว เพราะกลัวข้อหากักตุนข้าวที่รัฐบาลประกาศออกมา" โดมิงโกบอก

"ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรง การเตรียมหน้าดินพุ่งขึ้นเร็วกว่าราคาข้าวของเราเสียอีก แล้วนี่ฉันก็เพิ่งเกี่ยวข้าวไป แต่รัฐบาลก็อยากจะให้ฉันปลูกข้าวอีกในเดือนพฤษภาคมตอนที่ฝนแรกมา แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า"

ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นหลังจากที่จีนเรียกเก็บภาษีส่งออกเพิ่มมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ประเทศอื่นๆ กำลังแข่งกันเก็บสินค้าโภคภัณฑ์เข้าคลังเพื่อประกันความมั่นคงทางด้านอาหารภายในประเทศ ทั้งนี้ฟิลิปปินส์ต้องนำเข้าปุ๋ยราว 20 เปอร์เซ็นต์ของที่ใช้ในประเทศจากจีน

โดมิงโก กล่าวว่า เธออาจจะใช้เงินราว 50,000 เปโซ เป็นค่าปุ๋ย 12 กระสอบ,ค่าน้ำมันใช้เครื่องยนต์ และค่าน้ำชลประทาน ทว่า"หลังทำนากันจนหลังแทบหัก ฉันก็คงจะขายข้าวได้มากกว่า 60,000 เปโซนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

ถ้าเป็นเมื่อปีก่อนตอนที่ต้นทุนทั้งหลายยังไม่เพิ่มขึ้น เธอคงจะขายข้าวโดยมีกำไรเป็น 2 เท่าของตอนนี้

ฟลอเรนซ์ เซวิลญา ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจการเกษตรแห่งมหาวิทยาลัยเอเชียและแปซิฟิก บอกว่า ราคาข้าวที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็สร้างปัญหาให้แก่ผู้ปลูกไม่น้อยเช่นเดียวกัน

"ชาวนามักจะไม่ใส่ปุ๋ยหากว่าต้นทุนแพงเกินไป ดังนั้นผลผลิตจะต่ำ นอกจากนั้น ในตอนนี้ชาวนาต่างใช้รถแทรกเตอร์ซึ่งต้องกินน้ำมัน ต้นทุนของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้ราคาเมล็ดพันธุ์และอื่นๆ ก็แพงไม่แพ้กัน" เธอบอก

เธอกล่าวว่า เป็นความผิดของรัฐบาลที่ล้มเหลวในการปรับปรุงภาคการเกษตรให้ทันสมัย รวมทั้งโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรก็ยังไม่เคยเป็นรูปเป็นร่างสักที

"ปัญหาก็คือชาวนาของเราเป็นเจ้าของที่ดินผืนเล็กๆ และไม่อาจหาเงินทุนเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง" เธอชี้

เจสสิกา แคนโตส เป็นเจ้าหน้าที่ของอาร์-1 อันเป็นกลุ่มช่วยเหลือชาวนาที่ตั้งอยู่ในมะนิลา บอกว่า ชาวนายังมีทางเลือกอื่นๆ เช่น ใช้วิธีการชีวภาพ ซึ่งแคนโตสบอกว่านาที่ไม่ใช้สารเคมีให้ผลผลิตดีกว่า แต่เธอก็ย้ำว่า เป็นเรื่องเศร้าที่ชาวนาผู้ปลูกข้าวกลับไม่ได้อะไรเลย แม้ว่าราคาในตลาดจะสูงมากก็ตาม

แต่สำหรับโดมิงโก ผู้ที่หาเลี้ยงคนราว 20 ในครอบครัวซึ่งมีทั้งพี่น้อง คู่สะใภ้ หลานชายหลานสาว เธอกล่าวว่าแม้จะยากลำบากแต่ที่ดินที่เธอพรวนอยู่ทุกวันก็ทำให้เธอมีความสุขได้

"ฉันเคยขายข้าวแล้วเหลือเงินแค่ 3000 เปโซเท่านั้น แต่ว่าก็ไม่อับจนเพราะในนามีอาหารอุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างได้จากท้องนาหมด "และนี่คือพรจากพระเจ้า" โดมิงโกบอก

"ไม่ว่าการเป็นชาวนาจะยากลำบากอย่างไร แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ทำได้แค่ยิ้มรับแล้วก็ทนไปเท่านั้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น