เอเอฟพี - วิกเตอร์ บูต นักค้าอาวุธชาวรัสเซีย ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในประเทศไทย ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศตั้งข้อกล่าวหาในคดีก่อการร้ายถึง 4 กระทงด้วยกัน จากการที่เขาหาช่องทางขายอาวุธมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่มกบฏฟาร์กในโคลอมเบีย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เปิดคำฟ้องต่อบูตเมื่อวันพุธ (7) โดยกล่าวหาเขาอย่างเจาะจงว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการขายอาวุธผิดกฎหมายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่มกบฏฟาร์กในโคลอมเบีย นอกจากนั้นยังกล่าวหาว่า บูตสมรู้ร่วมคิดในการสังหารเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของรัฐบาลสหรัฐฯ และสมรู้ร่วมคิดในการซื้อและใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานด้วย
บูตนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "พ่อค้าความตาย" จากการที่มีบทบาทในการจัดส่งอาวุธให้กับพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงของโลก เขาถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จับกุมตัวได้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม และมีหวังต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต หากถูกนำตัวขึ้นศาลสหรัฐฯ และถูกตัดสินว่าทำผิดตามข้อกล่าวหาจริง
ไมเคิล การ์เซีย อัยการรัฐนิวยอร์ก แถลงคำฟ้องว่า "เป็นเวลานานมาแล้วที่ประชาคมโลกถือว่าวิกเตอร์ บูต เป็นนักค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก"
"การเปิดคำฟ้องดังกล่าวนี้ทำให้เรามั่นใจได้อีกขั้นหนึ่งว่าบูตได้ส่งมอบอาวุธอันทรงประสิทธิภาพเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว" มิเชล เลียนฮาร์ต รักษาการผู้บริหารสำนักงานปราบปรามยาเสพติดกล่าว
อาวุธประเภทหนึ่งที่บูตถูกกล่าวหาว่าได้จัดส่งให้กับกลุ่มกบฏมาร์กซิสต์โคลอมเบีย ก็คือขีปนาวุธปล่อยนำวิถีแบบพื้นสู่อากาศ ซึ่งมีขีดความสามารถในการยิงเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบิน
บูตถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นในการขายอาวุธให้กับกลุ่มกบฏฟาร์กในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2007 ถึงกุมภาพันธ์ 2008 และมีการติดต่อค้าอาวุธดังกล่าวกับตัวแทนลับของฝ่ายกบฏทั้งทางโทรศัพท์ที่มีการบันทึกเสียงไว้และทางอีเมล์
รัฐบาลสหรัฐฯ นั้นให้การสนับสนุนรัฐบาลโคลอมเบียในการจัดการกับกลุ่มกบฏฟาร์กอย่างแข็งขัน กลุ่มกบฏดังกล่าวสู้รบกับรัฐบาลโคลอมเบียมาตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1960 และถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มค้าโคเคนรายใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่งด้วย
ตามคำฟ้องดังกล่าว บูตยังถูกกล่าวหาว่าค้าอาวุธสงครามข้ามชาติมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 โดยใช้เครื่องบินบรรทุกสินค้าขนส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ไปยังแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลางด้วย
คณะอัยการ กล่าวว่า การที่บูตถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าค้าอาวุธในไลบีเรียทำให้ชื่อของเขาอยู่ในบัญชีผู้ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อปี 2004 และส่งผลให้เขาถูกห้ามทำการติดต่อค้าขายใดๆ กับชาวอเมริกัน