ภูฏานไฟเขียวให้นักท่องเที่ยวเข้า ปท.เพิ่ม แต่ยืนกรานห้ามบันจี้จัมพ์

เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่ เผย ภูฏาน อาณาจักรโดดเดี่ยวบนเทือกเขาหิมาลัย วางเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้น 5 เท่า แต่จะยังคงรักษาคุณสมบัติเฉพาะในการเป็นจุดหมายปลายทางพิเศษ โดยไม่อนุญาตนักท่องเที่ยวเล่นบันจี้จัมพ์

ชาติขนาดเล็กบนเขาสูงนี้ เปิดรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในปี 1974 และเริ่มส่งเสริมนโยบายท่องเที่ยว “มูลค่าสูง” โดยอนุญาตคนต่างชาติจำนวนไม่มากนัก และเก็บค่าใช้จ่ายสูง เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม และระบบนิเวศ

รัฐบาลภูฏานวางแผนเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยว 4 เท่า ให้ถึง 100,000 คน ในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า พวกเขายังไม่มีแผนจะลดราคาค่าใช้จ่ายในการเยือนประเทศ และลองเสี่ยงให้นักท่องเที่ยวแบกเป้ ที่มีงบน้อยไหลทะลักเข้ามา

ลาตู วังชุก อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า “เราอยากคงความเป็นจุดหมายที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ เราจะไม่แนะนำการกระโดดบันจี้จัมพ์หรือสิ่งใดๆ ที่ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิมเพื่อจัดไว้รับนักท่องเที่ยว เทศกาลของเราจะดำเนินต่อไปไม่ว่าเรามีนักท่องเที่ยวหรือไม่ ทุกๆ สิ่งที่เราทำจะต้องเป็นวัฒนธรรมของเราอย่างแท้จริง”

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่ามีหุบเขาที่เขียวชอุ่ม ทิวทัศน์ที่ไม่เสื่อมโทรม อารามวัดที่หรูหรา และวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มีสีสัน ภูฏานซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล ใช้เวลาหลายศตวรรษในการโดดเดี่ยวตัวเองจากโลกภายนอก และค่อยๆ เปิดประเทศทีละน้อยเท่านั้น จนถึงทศวรรษที่ 1960 ก็ยังไม่มีถนนหนทาง โทรศัพท์ หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราใดๆ กระทั่งภูฏานเพิ่งล้มเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเดือนที่ผ่านมา เมื่อมีการจัดเลือกตั้งแบบหลายพรรคการเมืองครั้งแรก

ในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเพียง 21,000 คน เข้าเยี่ยมชมประเทศที่มีประเพณีล้ำลึก นำรายได้เข้าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ โดยนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนหย่อนใจในภูฏาน ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวตะวันตก และคู่รักวัยกลางคน ซึ่งจะต้องใช้เงิน 200 ดอลลาร์ต่อวัน และจัดเตรียมแผนการเดินทางทุกอย่างผ่านผู้ดำเนินธุรกิจทัวร์เอกชน ที่รับรองโดยรัฐบาลเท่านั้น

แต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวได้รับการระบุว่าเป็นภาคสำคัญมากในการเพิ่มรายได้ และสร้างงานท่ามกลางการเติบโตของชุมชนเมืองในประเทศที่มีประชากร 670,000 คนแห่งนี้

ทั้งนี้ ภูฏานวางเป้าหมายบรรลุแผนดังกล่าว ขณะเดียวกันก็อนุรักษ์อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม มรดก และระบบนิเวศ ผ่านกฎที่เข้มงวด สำหรับกระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม และการเน้นหนักที่จะรักษาการใส่ชุดประจำชาติไว้ด้วย

ขณะที่ วังชุก กล่าวเสริมว่า “เราไม่ต้องการให้เงินดอลลาร์เป็นมูลค่าราคาของเรา” โดยเสริมว่าภูฏานจะยึดเอานโยบาย “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” เป็นอันดับแรก ก่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากอดีตกษัตริย์องค์ก่อน

ปรัชญาความสุขมวลรวมประชาชาติ ซึ่งเป็นการเล่นคำจากผลผลิตมวลรวมประชาชาติ ที่เป็นกำลังขับเคลื่อนของชาติสมัยใหม่ส่วนใหญ่ นั้นเน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรม และรักษาสิ่งแวดล้อม ในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการพัฒนาต่างๆ

รัฐบาลยังหาทางปรับปรุงถนน และจัดเตรียมสนามบินอย่างน้อยหนึ่งแห่ง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว นอกจากการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่ง โดยผู้รับเหมาเอกชนหลายเจ้าได้สร้างโรงแรมใหม่ๆ เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้นตามที่คาด

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินธุรกิจทัวร์ ยังกล่าวว่า พวกเขาต้องการการเพิ่มอัตราภาษี ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 ด้วย