xs
xsm
sm
md
lg

ททท.ตอ.หวังดึงเงินจากนักเที่ยวเป๋าตุง ผนึกเปิดเส้นทางทัวร์กัมพูชา-เวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถนนสาย 48  เส้นทางสำคัญในการเชื่อมการท่องเที่ยวจากจังหวัดตราด สู่กัมพูชาและเวียดนาม
ศูนย์ข่าวศรีราชา – ททท.ตะวันออก ผนึกกำลังเปิดเส้นทางท่องเที่ยวกัมพูชา-เวียดนามพร้อมจัดโรดโชว์จุดขายและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่หวังดึงคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก เสริมทัพนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและประเทศแถบเอเชีย เผยอนาคตจังหวัดตราดจะเป็นประตูทางเข้าต้อนรับนักท่องเที่ยว จากอินโดจีนสู่ไทยหากการก่อสร้างถนนสาย 48 และสะพานอีก 4 แห่งเสร็จ

เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคกลาง เขต 3 (พัทยา) เขต 4 (ระยอง-จันทบุรี)และเขต 5 (ตราด) ได้ร่วมกันจัดโครงการสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ภายในประเทศกัมพูชา ผ่านเมืองสำคัญอย่างเสียมราฐ อันเป็นที่ตั้งของประสาทนครวัต-นครธม กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา และโฮจิมินห์หรือไซ่ง่อน อดีตเมืองหลวงของเวียดนามตอนใต้ โดยใช้ถนนสายที่ 6 (ปอยเปต-พนมเปญ) ถนนสายที่ 7 (กัมปงจาม-เปรียงเวง-สวายเรียง) ถนนสายที่ 1 (พนมเปญ-โฮจิมินห์)และถนนสายที่ 4 (พนมเปญ-สีหนุวิลล์) และเส้นทางสแออัมเบิล –จังหวัดเกาะกง มุ่งสู่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด รวมระยะ กว่า 1,450 กิโลเมตร 

นอกจากนั้น ยังจัดโรดโชว์เพื่อเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคตะวันออก และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศที่โรงแรมเชอราตันไซ่ง่อน และ โรงแรมซันเวย์  พนมเปญเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มนักท่องเที่ยว และผู้สนใจแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยได้พบปะกับกลุ่มผู้ขายโดยตรง และยังเป็นการประชาสัมพันธ์โรงแรมต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ และนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักของทั้ง 2 ประเทศ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภาคตะวันออกมากยิ่งขึ้น

นายพิชัย  รัตนสิน  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม  เผยถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ที่กำลังเติบโตว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งนิยมสะสมรายได้ เพื่อซื้อทรัพย์สินอีกส่วนจะใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ขณะนี้กลายเป็นจุดหมายทางทางการท่องเที่ยวที่สำคัญและในปี  2550 ชาวเวียดนามกว่า 3 แสนคนได้เดินทางโดยเครื่องบินเข้ามายังประเทศไทย และเลือกการเดินทางขากลับด้วยการใช้เส้นทางรถยนต์ผ่านภาคอีสานและเหนือ เพื่อท่องเที่ยวต่อไปยังลาวอีกด้วย

ทำให้ขณะนี้บริษัททัวร์หลายแห่งในเวียดนาม เริ่มตื่นตัวต่อการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ผ่านเข้ามาในประเทศกัมพูชาและไทยแล้ว และหากหน่วยงานท่องเที่ยวของไทยสนับสนุนให้มีการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ไปยังพื้นที่อื่นๆ ก็จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตยิ่งขึ้น
 
“นักท่องเที่ยวเวียดนาม ชอบการท่องเที่ยวและมีพฤติกรรมท่องเที่ยวเหมือนคนไทย โดยส่วนใหญ่จะเลือกซื้อแบบแพกเกจ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องราคาเป็นสำคัญ ซึ่งททท.โฮจิมินห์ ก็เร่งประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ โดยชูจุดขายที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต  เชียงใหม่ พัทยา หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกรวมทั้งกาญจนบุรี โดยตลาดที่น่าสนใจอีกตลาดในขณะนี้คือกลุ่มนักกอล์ฟ ซึ่งในช่วงแรกก็พยายามจะดึงกลุ่มนักกอล์ฟของเวียดนาม ให้เข้ามาใช้สนามในเมืองพัทยา "
 
ด้านนายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคกลางเขต5 (ตราด)เผยว่า  การจัดโรดโชว์ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเวียดนามและกัมพูชา เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยเฉพาะใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกมากขึ้น ซึ่งการเดินทางไปในครั้งนั้นได้จับมือร่วมกับบริษัททัวร์ในกรุงโฮจิจิมินห์และพนมเปญ

ขณะที่ททท.และผู้ประกอบการในภาคตะวันออก ต่างนำเอกสารประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆไปแจกจ่ายแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งก็พบว่าได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และยังกระตุ้นให้บริษัททัวร์ทั้งในพนมเปญและโฮจิมินห์ จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภาคตะวันออกอีกด้วย

“ ที่ผ่านมาสำนักงานการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก (ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรีและตราด)ได้ร่วมกลุ่มกันจัดงาน“สีสันภาคตะวันออก” โดยใช้พัทยาเป็นจุดดึงดูดสำคัญที่จะทำหน้าที่กระจายนักท่องเที่ยวสู่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกทั้งที่เกาะช้าง จังหวัดตราด จันทบุรีและระยอง โดยกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกมีจุดขายที่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความปลอดภัยสูง และราคาค่าที่พักไม่แพง”นายชูชาติกล่าว

มุ่งเปิดตลาดเที่ยวทางรถยนต์
ดันตราดเป็นประตูเข้าอินโดจีน

นายชูชาติ กล่าวอีกว่า ททท.ตราด มีแผนที่จะเปิดตลาดการท่องเที่ยวทางรถยนต์ หลังจากถนนสาย 48 ( ตราด-พนมเปญ) และสะพาน 4 แห่งที่จะข้ามแม่น้ำหลายสายในจังหวัดเกาะกง ของกัมพูชาที่ประกอบด้วยสะพานตันไต สะพานตะเตียงรุ้ง สะพานอันโตติ๊กและสะพานข้ามแม่น้ำกัมปงโสม รวมระยะทาง 138 กิโลเมตรแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากโฮจิมินห์สู่พนมเปญ และสู่จังหวัดเกาะกงของกัมพูชาก่อนเข้าสู่จังหวัดตราด ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านหาดเล็กโดยใช้เส้นทางสาย 48 มุ่งสู่เกาะช้างได้อย่างสะดวก หลังจากนั้นจะกระจายนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดจันทบุรี ระยองและชลบุรี

ทั้งนี้ มีจุดศูนย์รวมอยู่ที่เมืองพัทยา และกำหนดให้จังหวัดตราด เป็นประตูการท่องเที่ยวในภูมิภาคอินโดจีนและกำหนดให้หมู่เกาะช้าง เกาะกูดและเกาะหมาก จะต้องมีการพัฒนาด้านที่พักและโรงแรมในลักษณะรีสอร์ต เพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น 
 
นายชาญชัย  ดวงจิตต์  ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 4 (ระยอง,จันทบุรี)  กล่าวถึงตลาดนักท่องเที่ยวในกรุงพนมเปญและเวียดนามว่า เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่งสำนักงานท่องเที่ยวในภาคตะวันออก และผู้ประกอบการของภาคจะใช้จุดขายด้านที่พักที่มีราคาถูก และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ไม่แพ้ทะเลอันดามัน แต่มีความปลอดภัยสูงเป็นจุดขายหลัก 

ในช่วง2-3  ปี  ที่ผ่านมา ภาคตะวันออกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มสูงที่สุดในประเทศไทย   ซึ่งการเดินทางไปยังกรุงพนมเปญและโฮจิมินห์ จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออกได้กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ที่จะใช้การเดินทางโดยรถยนต์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น

ด้าน นางสาววณิชชา วัฒนพงษ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรีกล่าวว่า นักท่องเที่ยวกัมพูชาและเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพแต่ที่ผ่านมาไม่มีการส่งเสริมการตลาดอย่างจริงจัง อย่างไรก็ดีขณะที่จันทบุรี ได้ทำ MOU ร่วมกับจังหวัดเกียนยาง ในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีเกาะฟุก๊วก เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เพื่อเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือจากเกียนยางสู่สีหนุวิลล์ เพื่อต่อมายัง เกาะช้าง จังหวัดตราด และเข้าสู่ จังหวัดจันทบุรี

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ทั้งหาดเจ้าหลาว โชว์ปลาโลมาที่โอเอซิส  หรือชมการทำอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ทำจากพลอย ก็คาดว่าจะดึงดูดความสนใจของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่นี้ได้ดีไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และผลไม้ที่ขึ้นชื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น