xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพสหรัฐฯ ต้องรับส่วนที่แย่ๆ ของสังคมมาเป็นทหาร

เผยแพร่:   โดย: เดวิด ไอเซนเบิร์ก

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Recruiting the bottom of the barrel
By David Isenborg
25/04/2008

ตามรายงานที่เผยแพร่โดยรัฐสภาสหรัฐฯ จำนวนของผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นทหารในกองทัพบกสหรัฐฯ ที่ต้องทำเรื่องขอยกเว้นคุณสมบัติเพราะมีประวัติอาชญากรรมนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา จนอยู่ในระดับเท่ากับทหารใหม่ทุกๆ 8 คนต้องขอยกเว้น 1 คนแล้ว สภาพเช่นนี้ต้องถือเป็นลางร้าย เพราะมีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างพฤติกรรมก่อนหน้าเป็นทหาร กับการประกอบอาชญากรรมขณะเข้าอยู่ในกองทัพแล้ว

วอชิงตัน - บุคลากรที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการเป็นทหารในกองทัพบกสหรัฐฯ ไม่ได้มีคุณสมบัติอย่างที่ควรจะต้องมีกันทั้งหมดทุกคนเสียแล้ว ทั้งนี้ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้โดยคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของรัฐสภา

กองทัพบกยอมรับว่า ในบรรดาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าเป็นทหารเมื่อปีที่แล้ว คนที่มีประวัติเคยมีปัญหาทางกฎหมาย ตั้งแต่ถูกตัดสินกระทำความผิดทางอาญาอุกฉกรรจ์ และความผิดทางอาญาที่ไม่ร้ายแรงแต่กระทำผิดอย่างรุนแรง ไปจนถึงอาชญากรรมด้านยาเสพติด และการละเมิดกฎจราจรนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้าอยู่ราวๆ 25% เนื่องจากแรงกดดันให้ต้องเพิ่มขนาดกองทหารภาคพื้นดินของสหรัฐฯ ได้ทำให้ทางกองทัพต้องยินยอมที่จะรับผู้สมัครที่ขอยกเว้นคุณสมบัติเพราะเคยมีพฤติการณ์ด้านอาชญากรรมกันเพิ่มมากขึ้น

ถ้าจะคำนวณไปในอีกทางหนึ่งก็จะบอกได้ว่า เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เข้าเป็นทหารในกองทัพบก ซึ่งต้องทำเรื่องขอยกเว้นคุณสมบัติสืบเนื่องจากมีประวัติอาชญากรรมหรือการจงใจประพฤติมิชอบอื่นๆ ในอดีต ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นกว่าสองเท่าตัวนับแต่ปี 2004 จนอยู่ในระดับเท่ากับทหารใหม่ทุกๆ 8 คนจะมีผู้ขอยกเว้นเช่นนี้อยู่ 1 คน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพบกได้ยอมรับผู้สมัครที่ได้ถูกตัดสินแล้วว่ากระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ อาทิ การบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์ในเคหสถาน, การลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามาก, การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนสาหัส, เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าตัว คือ จาก 249 คนเป็น 511 คน ขณะที่ตัวเลขยอมรับผู้สมัครทำนองเดียวกันของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้สูงขึ้นมาราวสองในสาม จาก 208 คนเป็น 350 คน

จากวันที่ 30 กันยายน 2006 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2007 กองทัพบกได้อนุมัติสิ่งที่เรียกกันว่า การยกเว้นคุณสมบัติให้แก่ผู้สมัครที่กระทำความผิดอาญา ทั้งที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์และที่ไม่ร้ายแรง คิดเป็นตัวเลขเท่ากับ 18% ของทหารใหม่ที่ทางกองทัพรับไว้ และเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า สำหรับระยะ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2008 กองทัพบกได้อนุมัติยกเว้นคุณสมบัติไปแล้วคิดเป็น 13% ของผู้รับเข้าเป็นทหาร

ข้อมูลของเพนทากอนปี 2006 และ 2007 ซึ่งทางคณะกรรมาธิการของรัฐสภานำออกมาเผยแพร่ในวันจันทร์(21) ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีการระบุจำแนกจำนวนของผู้เคยกระทำความผิดอุกฉกรรจ์ไปตามประเภทของคดี ปรากฏว่าจำนวนของผู้ที่รับได้ยกเว้นคุณสมบัติจากกองทัพบกสำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนสาหัสโดยที่มีการใช้อาวุธร้ายแรง ได้เพิ่มจำนวนเป็น 43 คนจาก 33 คน ผู้ได้รับยกเว้นสำหรับความผิดฐานบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์ในเคหสถาน ก็เพิ่มขึ้นเป็น 106 คนจาก 36 คน ผู้ได้รับยกเว้นสำหรับความผิดมียาเสพติด ยกเว้นกัญชา อยู่ในครอบครอง เพิ่มขึ้นเป็น 130 คนจาก 71 คน และสำหรับความผิดลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นเป็น 56 คนจาก 26 คน

ปัญหานี้ส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แต่ในกองทหารภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เพราะผู้ได้รับยกเว้นคุณสมบัติเนื่องจากเคยกระทำความผิดอุกฉกรรจ์ที่กองทัพเรืออนุมัติ ได้ลดลงจาก 48 คนในปี 2006 เหลือ 42 คนในปีที่แล้ว ส่วนที่กองทัพอากาศนั้นไม่มีการอนุมัติเลยสักคนในทั้งสองปีดังกล่าว

ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้ได้ยกเว้นคุณสมบัติเนื่องจากเคยกระทำความผิดอุกฉกรรจ์ตลอดจนความผิดอาญาอื่นๆ นั้น ถือเป็นส่วนข้างมากของผู้ได้รับยกเว้นคุณสมบัติทั้งหมด นั่นคือเป็นอัตราส่วนประมาณ 60% สำหรับทางกองทัพบก และอยู่ในระดับราวๆ 75% สำหรับกองทัพนาวิกโยธิน ทว่าในส่วนของผู้ได้รับยกเว้นคุณสมบัติเนื่องจากสาเหตุอื่นๆ อาทิ การมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ก็ปรากฏว่ากำลังเพิ่มทวีขึ้นเช่นเดียวกัน อันเป็นสิ่งบ่งชี้ว่ากองทัพบกและนาวิกโยธินกำลังรับทหารใหม่ซึ่งมีคุณภาพต่ำลง กองทัพบกได้จัดทำโครงการพิเศษซึ่งให้เวลาแก่ทหารใหม่ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปเป็นเวลา 1 ปีในการทำให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ทั้งนี้เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว มีคนหนุ่มสาวในหมู่ประชากรทั่วๆ ไปเพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติทั้งทางร่างกาย, จิตใจ, การศึกษา, และข้อกำหนดอื่นๆ ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของการรับทหารเข้าสู่กองทัพ

น่าสังเกตด้วยว่า ในระยะไม่กี่ปีมาแล้ว กองทัพบกยังกำลังยอมรับผู้สมัครใหม่ที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ทั้งนี้ ย้อนหลังกลับไปในปลายปี 2005 ฝ่ายทหารได้เริ่มโครงการเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย สำหรับให้พวกที่ทิ้งการเรียนชั้นมัธยมปลายกลางคันได้เรียนกัน

ตามการเปิดเผยขณะไปให้ปากคำต่อรัฐสภาเมื่อเร็วๆ นี้ของอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม แลร์รี คอร์บ อัตราส่วนของทหารใหม่ที่กองทัพบกรับเข้ามาซึ่งมีประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษามัธยมปลาย ได้ลดลงจากระดับกว่า 90% ในปี 2003 เหลือ 84% ในปี 2005 และ เหลือ 71% ในปี 2007 อันถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบระยะเวลาอย่างน้อย 25 ปีทีเดียว ยิ่งกว่านั้น ในช่วง 3 ปีหลังมานี้ จำนวนของผู้รับเข้ามาใหม่ที่ทำคะแนนได้แค่เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุด นั่นคือ เกณฑ์ขั้นที่ 4 ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่าตัว

นี่เป็นหลักฐานล่าสุดซึ่งยืนยันแนวโน้มที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกำลังดำเนินไปอย่างเลวร้ายยิ่งขึ้นทุกที การขอยกเว้นคุณสมบัติซึ่งโดยทั่วไปแล้วย่อมได้รับการอนุมัติจากเพนตากอน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่รับสมัครทหารใหม่ สามารถที่จะรับบรรดาชายและหญิงซึ่งหากใช้หลักเกณฑ์ปกติแล้วจะไม่สามารถเข้ารับราชการทหารได้ เนื่องจากเป็นผู้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดละเมิดกฎหมาย, มีปัญหาด้านสุขภาพ, หรือเหตุผลอื่นๆ อันเป็นเหตุให้ไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำสุด

ตามที่อ้างอิงไว้ในบทความเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ของนิตยสาร ซาลอง กองทัพบกแถลงว่า 17% ของทหารที่รับมาใหม่ประจำปี 2005 (คิดเป็นทหารใหม่ 21,880 คน) เป็นผู้ที่ได้รับยกเว้นคุณสมบัติ หรือสามารถพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า มีทหารจำนวนมากกว่าในกองพลทหารราบ 1 กองพลเต็มๆ เสียอีก ซึ่งเข้าประจำการในกองทัพบกเมื่อปี 2005 โดยไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ปกติ

การใช้ข้อยกเว้นคุณสมบัติเช่นนี้ เมื่อคำนวณจากปีนั้นก็เท่ากับเพิ่มขึ้น 42% นับแต่ปี 2000 อันเป็นช่วงก่อนหน้าสงครามอิรัก บทความชิ้นนี้กล่าวต่อไปว่า อันที่จริง กระทั่งบอกว่าอยู่ในอัตรา 17% ที่ถือว่าสูงแล้วนี้ ก็ยังเป็นการประเมินตัวเลขผู้ได้รับการยกเว้นคุณสมบัติ ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจาก “เพนทากอนนำเอาตัวเลขของกองทัพบกมารวมกับตัวเลขของกองกำลังพลสำรองที่เป็นตัวเลขต่ำกว่า เพื่อทำให้เปอร์เซ็นต์ที่ปรากฏออกมาแลดูน้อยลงไป”

ทว่าตรงกันข้ามกับที่พวกนายทหารบางคนบอก การใช้ข้อยกเว้นคุณสมบัติไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง เพราะจำนวนของผู้ได้รับคัดเลือกที่มีภูมิหลังอย่างที่ภาษาของกองทัพบกเรียกว่า “การจงใจประพฤติอาชญากรรมร้ายแรง” ก็มีเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญด้วย บุคคลที่จัดอยู่ในประเภทนี้ มีอาทิ การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนสาหัส การชิงทรัพย์, หรือไม่ก็เป็นการฆ่าคนตายจากการขับขี่ยานพาหนะ, การรับของโจร, และการข่มขู่ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

หันมามองกันในแง่สดใสบ้าง ในปี 2007 กองทัพบกและกองทัพนาวิกโยธินส่วนที่เป็นกำลังพลประจำการ ได้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเพื่อเป็นทหารประจำการจำนวนประมาณ 80,000 คน และ 35,000 คนตามลำดับ จำนวนของผู้ผ่านการคัดเลือกในปี 2007 ซึ่งได้รับยกเว้นคุณสมบัติเนื่องจากเป็นผู้กระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ มีปริมาณไม่ถึง 1% ของทหารบกและนาวิกโยธินทั้งหมดที่รับเข้ามาในปีนั้น

นอกจากนี้มีบทวิเคราะห์เรื่องผู้ได้รับการยกเว้นคุณสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่งซึ่งพบว่า พวกที่ได้รับยกเว้นคุณสมบัติทางด้านอาชญากรรมและทางด้านการแพทย์ มีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่าคนอื่นๆ ในระหว่างการฝึกทหารใหม่ พวกเขามีแนวโน้มที่จะรับการฝึกทหารใหม่จนจบหลักสูตร พวกเขามีแนวโน้มที่จะได้รับการเลื่อนยศสู่ตำแหน่งที่สูงกว่า และได้รับรางวัลด้านความกล้าหาญ มากกว่าผู้ที่ไม่ต้องยื่นขอยกเว้นคุณสมบัติ

กระนั้นก็ตาม ผู้ที่คิดว่าไม่เห็นจะต้องห่วงใยทำอะไรเลยในเรื่องที่กองทัพมีผู้ทิ้งการศึกษาระดับมัธยมปลายกลางคัน และผู้มีประวัติอาชญากรรม ควรที่จะระลึกเอาไว้ว่า ในวันสุดท้ายของเดือนมกราคมปี 2005 นั้น สตีเวน ดี กรีน อดีตพลทหารแห่งกองทัพบกผู้ถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนเด็กหญิงชาวอิรักวัย 14 ปีผู้หนึ่ง และฆ่าล้างครอบครัวของเธอ ยังคงนั่งอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งของมลรัฐเทกซัส ด้วยข้อหาความผิดมีสุราในครอบครอง เขาเป็นคนว่างงาน เป็นผู้ละทิ้งการศึกษาชั้นมัธยมปลายกลางคัน ด้วยวัย 19 ปีเขาเพิ่งถูกตัดสินว่ากระทำความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรงครบเป็นครั้งที่สาม กรีนได้เข้าเป็นทหารโดยได้รับการยกเว้นคุณสมบัติด้านความเหมาะสมทางศีลธรรม

พวกเจ้าหน้าที่ของเพนตากอนไม่น่าจะประหลาดใจอะไร กับการที่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างพฤติกรรมก่อนหน้าเป็นทหาร กับการประกอบอาชญากรรมขณะเข้าอยู่ในกองทัพแล้ว การศึกษาเมื่อปี 2003 ชิ้นหนึ่งที่ทำให้แก่รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายนโยบายบุคลากรทางทหาร พบว่ามีงานศึกษาวิจัยอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งมุ่งพิจารณาปัจจัยต่างๆ อันไม่เกี่ยวข้องกัน ที่มีส่วนสัมพันธ์กับพฤติการณ์ในทางทำลายของบุคลากรทางทหาร

ได้มีการระบุถึงสิ่งที่ควรต้องให้ความสนใจอยู่ 2 ประการ ได้แก่ (1) การขาดกระบวนวิธีเพื่อการคัดเลือกล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะระบุให้ทราบถึงผู้เข้ารับราชการทหารที่มีประวัติอาชญากรรมและปัญหาด้านการปรับพฤติกรรมอื่นๆ และ (2) วิธีปฏิบัติทางด้านบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเปิดทางให้บุคลากรทางทหารที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามีแบบแผนพฤติกรรมที่ด้อยมาตรฐาน ยังคงสามารถเป็นกองกำลังประจำการได้ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ มีบุคคลจำนวนหนึ่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งซึ่งเมื่อก่อพฤติการณ์ในทางทำลายแล้ว ก็จะทำให้เกิดผลต่อเนื่องอันสาหัสร้ายแรงที่สุด

การศึกษาชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2007 ของศูนย์กลางเพื่อการวิเคราะห์ด้านกองทัพเรือ พบว่าพวกที่ได้รับยกเว้นคุณสมบัติ “มีความเป็นไปได้มากกว่าเล็กน้อย” เมื่อเปรียบเทียบกับทหารใหม่คนอื่นๆ ที่จะต้องออกจากราชการไปภายในเวลา 2 ปีเนื่องจากกระทำความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง และพบด้วยว่า “ผู้ได้รับการคัดเลือกที่ต้องขอยกเว้นคุณสมบัติเนื่องจากเคยกระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ มีโอกาสสูงที่สุดที่จะต้องออกจากราชการไปเพราะทำความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง”


เดวิด ไอเซนเบิร์ก
เป็นนักวิเคราะห์ทางด้านกิจการความมั่นคงแห่งชาติและความมั่นคงระหว่างประเทศ อยู่ที่ sento@earthlink.net เขายังเป็นสมาชิกผู้หนึ่งของ Coalition for a Realistic Foreign Policy, เป็นผู้ช่วยเมธีวิจัยที่ Cato Institute, เป็นผู้ร่วมงานของ Straus Military Reform Project, เป็นนักวิจัยที่ Independent Institute, และเป็นทหารผ่านศึกกองทัพเรือสหรัฐฯ ทัศนะที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นทัศนะส่วนตัวของเขาเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น