xs
xsm
sm
md
lg

จับมะกันเป็นสปายส่งข้อมูล "นุก" ให้อิสราเอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 เบน-อามิ คาดิช
เอเจนซี -ทางการสหรัฐฯ จับกุมชาวอเมริกันวัย 84 ปีเมื่อวันอังคาร (22) ในข้อกล่าวหาว่าเป็นสายลับแอบส่งข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ เครื่องบินขับไล่ไอพ่น และขีปนาวุธของสหรัฐฯ ไปให้กับอิสราเอลในช่วงทศวรรษ 1980 โดยคดีล่าสุดนี้เกี่ยวโยงถึงกรณีอื้อฉาวของสายลับชื่อโจนาธาน พอลลาร์ด ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี 1985 ในข้อหาจารกรรมข้อมูลให้กับรัฐยิว อันเป็นคดีที่เขย่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอลมาแล้ว

ทอม เคซีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "เราจะแจ้งให้อิสราเอลรับทราบถึงการดำเนินการดังกล่าวนี้...เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ในช่วงที่เกิดกรณีพอลลาร์ด เราได้แจ้งไปแล้วว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่พฤติกรรมที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นกับมิตรประเทศและพันธมิตรของเรา และเราก็ยังมีความเห็นเช่นนี้อยู่จนถึงเวลานี้"

ส่วน อาร์เย เมเกล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล กล่าวถึงการจับกุมสายลับรายล่าสุดนี้ว่า "เราไม่รู้เรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย เรารู้เรื่องนี้มาจากสื่อ"

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เบน-อามิ คาดิช ถูกจับกุมตัวที่นิวเจอร์ซีย์ ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดและจารกรรมข้อมูลถึง 4 คดีด้วยกัน ภายหลังจากที่เริ่มดำเนินการสืบสวนคดีมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งเฉพาะข้อกล่าวหาในเรื่องการเป็นสายลับนั้นก็อาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตทีเดียว

คาดิชเป็นพลเมืองอเมริกันซึ่งเกิดที่มลรัฐคอนเนตทิคัต และทำงานเป็นวิศวกรเครื่องกลให้กับหน่วยคลังสรรพาวุธพิคาทินนีของกองทัพบกสหรัฐฯ ในเมืองโดเวอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์

จากเอกสารของศาล คาดิชยอมรับในระหว่างถูกเอฟบีไอสอบสวนว่า เขาเป็นสายลับและต้องการช่วยเหลืออิสราเอลโดยที่เขาไม่ได้รับเงินตอบแทนใดๆ อีกทั้งเขายังทำงานจารกรรมให้กับผู้ติดต่อจากฝ่ายรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้ติดต่อกับพอลลาร์ดเป็นหลักด้วยเช่นกัน

ช่วงราวปี 1979-1985 คาดิชเป็นสายลับให้กับอิสราเอล และยังคงติดต่อกับผู้ติดต่อของอิสราเอลซึ่งไม่อาจระบุชื่อได้มาจนถึงเดือนมีนาคมปีนี้ แต่จากหลักฐานต่างๆ ผู้ติดต่อกับคาดิชน่าจะชื่อโยเซฟ ยากูร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับคดีของพอลลาร์ด

ตามเอกสารคำฟ้องระบุว่าคาดิชใช้บัตรอนุญาตผ่านเข้าออกของเขาไปขอยืมเอกสารลับจำนวน 50-100 รายการจากห้องสมุดคลังสรรพาวุธ โดยที่เขาจะคัดเลือกเอกสารตามรายการที่ผู้ติดต่อให้มา จากนั้นก็จะถ่ายภาพเอกสารเหล่านั้นในห้องใต้ดินบ้านของเขา ทั้งนี้เอกสารของศาลให้ชื่อย่อผู้ติดต่อผู้นี้เพียงว่า "ซีซี-1"

เอกสารลับชุดหนึ่งที่คาดิชส่งผ่านแก่ผู้ติดต่อนั้นคือข้อมูลอาวุธนิวเคลียร์ เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าอิสราเอลนั้นมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่รัฐยิวแห่งนี้ไม่เคยยอมรับ นอกจากนั้นเอกสารลับอีกชุดหนึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับเครื่องบินรบเอฟ-15 รุ่นที่มีการปรับปรุงใหม่และทางการสหรัฐฯ ได้ขายให้กับประเทศๆ หนึ่งไปด้วย

ส่วนเอกสารชุดที่ 3 เป็นเอกสารเกี่ยวกับระบบป้องกันภัยทางอากาศด้วยขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐฯ ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ นำออกมาครั้งแรกในปี 1984 และอิสราเอลได้ใช้ระบบดังกล่าวนี้ในการป้องกันขีปนาวุธของอิรักในสงครามอ่าวเปอร์เซียปี 1991

นอกจากนี้ คาดิชยังคงติดต่อกับ "ซีซี-1" อย่างต่อเนื่อง และได้พบกันที่อิสราเอลในปี 2004 รวมทั้งมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ภายหลังจากที่เขาถูกตำรวจเอฟบีไอสอบสวน และ "ซีซี-1" ได้บอกให้เขาโกหกทางการสหรัฐฯ ด้วย "อย่าพูดอะไร...ถ้าเขาถามเรื่องเมื่อ 25 ปีก่อน บอกไปว่าคุณจำอะไรไม่ได้แล้ว"

ในเอกสารคำฟ้อง ระบุว่า ผู้ติดต่อหรือ "ซีซี-1" เคยทำงานในตำแหน่งกงสุลของอิสราเอลในกิจการด้านวิทยาศาสตร์ โดยประจำอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่ในนิวยอร์กระหว่างปี 1980 ถึงเดือนพฤศจิกายน 1985

ช่วงปลายทศวรรษ 1970 เขาทำงานให้กับบริษัทอิสราเอล แอร์คราฟต์ อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาทำงานให้รัฐบาลอิสราเอล แต่เมื่อพอลลาร์ดถูกจับกุมตัว ซีซี-1 ก็เดินทางออกจากสหรัฐฯ โดยไม่กลับเข้ามาอีกเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น