เพื่อนบ้านแฉไม่เชื่อสาวแปลงเพศเป็นชายจะตั้งท้อง

ฟอกซ์นิวส์ - เพื่อนบ้านของสาวหล่อที่ผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย และอ้างว่ากำลังตั้งท้องลูกสาวได้ 5 เดือน เผยไม่เชื่อเรื่องนี้ คาดน่าจะเป็นเรื่องโกหกมากกว่า

โธมัส บีตี ชาวรัฐโอเรกอน เขียนเล่าถึงประสบการณ์อันเหลือเชื่อของตัวเอง ลงบทความในนิตยสารดิ แอดโวเคต หลังจากแปลงเพศเป็นชาย โดยผ่าตัดเอาหน้าอกออก และรักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน แต่สามารถตั้งท้องได้แล้วเป็นเวลา 5 เดือน พร้อมกับมีรูปเขากำลังท้องโย้ ทว่า เพื่อนบ้านของเขาไม่คิดเช่นนั้น

“ค่อนข้างแปลก ผมคิดว่าเป็นเรื่องโกหกมากกว่า” รอน ชลีเปอร์ เพื่อนบ้านของบีตีและแนนซี คู่สามีภรรยาคู่แปลกกล่าวกับเคเอทียู นิวส์ ในเมืองเบนด์ รัฐโอเรกอน

“ผมเห็นเขา 2-3 วันก่อน เขายังไม่เป็นแบบนั้นเลย” เขาพูดโดยอ้างถึงรูปของบีตีบนเว็บไซต์แอดโวเคตดอตคอม “เขาเดินบนถนนกับคนที่ผมคิดว่าเป็นแนนซี ภรรยาของเขา แต่ผมจำไม่ได้ว่าเห็นเขาท้องโตแบบนั้น และหากภาพนั้นถ่ายเมื่อเดือนก่อน เขาก็น่าจะมีท้องที่โตกว่าที่เห็นเมื่อ 2-3 วันที่แล้วสิ”

ชลีเปอร์ยังเล่าว่า ภรรยาของบีตีได้บอกกับเขาว่าเธอตั้งท้อง ขณะที่ เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งยืนยันว่า ทั้งบีตีและภรรยามักจะทิ้งบ้านไปรับการรักษาให้มีลูกได้ ทุกๆ สัปดาห์ที่พอร์ตแลนด์

ทั้งนี้ บีตีซึ่งเกิดมาเป็นหญิงสาว ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ทว่า เธอตัดสินใจเก็บอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิงไว้ โดยออกมาอ้างในวันอังคาร (25) ที่ผ่านมาว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ด้วยการผสมเทียม

“ผมหยุดฉีดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ต้องฉีดทุก 2 เดือน โดยน่าจะเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้วที่ผมมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ดังนั้น มันจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย” บีตีเขียนในนิตยสารฉบับดังกล่าว

“ร่างกายของผมเปลี่ยนแปลงไปเองหลังจากประมาณ 4 เดือน และผมก็ไม่ต้องกินยาให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน หรือยาที่ช่วยในการตั้งครรภ์”

เขายังอธิบายว่า แนนซีได้รับการผ่าตัดมดลูกออกไปเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว ทำให้พวกเขาเริ่มมีความคิดให้บีตีตั้งครรภ์แทน ซึ่งเขายังอ้างด้วยว่า ครั้งนี้นับเป็นการตั้งท้องครั้งที่ 2 ของเขา โดยครั้งแรกเป็นการตั้งครรภ์เทียมแฝดสาม

อย่างไรก็ตาม บีตี เล่าว่า เหตุการณ์แท้งครั้งนั้นกลายเป็นภัยคุกคามชีวิต ซึ่งทำให้เขาต้องรับการผ่าตัด เนื่องจากการสูญเสียตัวอ่อน และปีกมดลูกด้านขวาไป ขณะที่ พี่ชายของเธอชี้ว่า “เป็นเรื่องดีแล้วที่เป็นแบบนั้น ใครจะรู้ว่าสัตว์ประหลาดประเภทไหนจะเกิดขึ้นมา” รวมถึงคนรอบข้างพวกเขา และหมอก็คัดค้านการตัดสินใจมีลูกของทั้งคู่ด้วย