เหลือเชื่อ! เกาะมรดกโลกกำลังกลายเป็นดินแดนร้าง

เอเอฟพี - เกาะร็อบเบนที่ครั้งหนึ่งมีชื่อกระฉ่อนในแอฟริกาใต้ และเป็นดินแดนคุมขังนักโทษ เสี่ยงที่จะกลายเป็นเมืองผี หลังชาวเมืองชุดสุดท้ายเตรียมย้ายออกมาเพื่อแสวงหาความสุขสบายบนแผ่นดินใหญ่

ประชากรของนกเพนกวิน แมวน้ำและแมวป่า มีจำนวนมากกว่าพลเมือง 112 คนที่อาศัยอยู่บนดินแดนมรดกโลกในเวลานี้--ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้คุมนักโทษและครอบครัว ซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์

มีพลเมืองย้ายออกจากเกาะแห่งนี้ถึง 38 คนเฉพาะเมื่อปีที่แล้วเพียงปีเดียว

“มันเปลี่ยนแปลงไปมาก...ในทางที่แย่ ไม่มีชีวิตชีวาอีกต่อไป” คาเรน ลอยด์ อดีตชาวเมืองบอกกับเอเอฟพี “มันกำลังกลายเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยว ประชาชนย้ายออกมาเพราะความไม่เอาใจใส่ ประชาชนเคยมีความสุข มีสนามกีฬา เข้าโบสถ์กันทุกวันอาทิตย์...แต่ไม่มีอีกต่อไปแล้ว” ลอยด์ อดีตผู้คุมที่ย้ายออกจากเกาะตั้งแต่ 3 ปีก่อน หลังอาศัยอยู่บนเกาะร็อบเบนมานานเกือบ 3 ทศวรรษ

เกาะแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่รัฐบาลแอฟริกาใต้ใช้เนรเทศผู้คนในช่วงต้นยุค 1500 ซึ่งรู้จักกันในนามดินแดนคนขี้เรื้อน ต่อมาเกาะร็อบเบนเปิดประตูต้อนรับนักโทษทางการเมืองในปี 1962 ตามนโยบายแยกคนต่างผิว ที่กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามและนักวิจารณ์ กลุ่มต่อต้านเหยียดผิวในความพยายามรักษาสิทธิพิเศษของคนผิวขาวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย

มีเพียงคนผิวดำ เชื้อสายอินเดียนและคนผิวสี (ลูกผสม) ถูกคุมขังบนเกาะแห่งนี้ อาทิ เนลสัน แมนเดลา ที่ติดคุกนาน 18 ปี ก่อนจะกลายมาเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้

เกาะร็อบเบน ได้รับประกาศจากสหประชาชาติเป็นมรดกโลกในปี 1999 หลังการล่มสลายของรัฐบาลยุคแบ่งแยกเชื้อชาติผ่านพ้านพ้นไป 5 ปี

นับตั้งแต่นั้นคุกได้ถูกปิดและดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ยอดนิยม แต่จำนวนประชากรบนเกาะลดลงเรื่อยๆเนื่องจากได้รับงบประมาณไม่เพียงพอและถูกโดดเดี่ยว จนทำให้พลเมืองย้ายขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่

ไม่มีโบสถ์ ห้องสมุดหรือสถานีตำรวจ แม้ว่าจะมีคลินิก สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและโรงเรียนประถมที่รับนักเรียนได้ 20 คนก็ตาม

สำหรับการจับจ่ายซื้อของ การเรียนในระดับมัธยมและทำงาน อยู่บนแผ่นดินใหญ่ พลเรือนจำนวนมากต้องอาศัยการเดินทางโดยเรือข้ามฟากรายวัน ซึ่งการเดินทางก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่ขึ้นชื่อว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้

ประธานสภาพิพิธภัณฑ์ของเกาะ กล่าวว่า งบประมาณประจำปีที่รัฐบาลจัดสรรมาให้ไม่เพียงพอที่จะต้อนรับแขกหรือนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ยังได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุเรือข้ามฟากที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา