เอเอฟพี/เอเจนซี - กรณีการจับกุม “วิกตอร์ บูต” นักค้าอาวุธข้ามชาติชาวรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังทำให้โลกอาชญากรรมซึ่งอยู่ในเงามืดของประเทศไทย ถูกจับตามองในฐานะที่เป็นแหล่งกบดานและจุดผ่านทาง ของพวกเหล่าร้ายระหว่างประเทศ
ชาวรัสเซียผู้ได้รับสมญานามว่า “นักค้าความตาย” ผู้นี้ เป็นผู้ดำเนินเครือข่ายลักลอบขนอาวุธระหว่างประเทศซึ่งมีขอบเขตและขีดความสามารถกว้างขวางมาก โดยได้เคยแอบส่งอาวุธไปให้แก่กลุ่มกบฎต่างๆ ตั้งแต่อเมริกาใต้ไปจนถึงแอฟริกา
ทว่าไม่ใช่เฉพาะชาวแดนหมีขาวผู้นี้เท่านั้น ยังมีกรณีที่โด่งดังก่อนหน้านี้ อาทิ การจับกุม “ฮัมบาลี” ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายคนสำคัญชาวอินโดนีเซีย เมื่อปี 2003 โดยเวลานี้เขาถูกคุมขังอยู่ในฐานทัพสหรัฐฯ ที่อ่าวกวนตามาโน ประเทศคิวบา
ปีที่แล้ว การติดตามไล่ล่าระดับระหว่างประเทศก็ได้นำทางการตำรวจสากลมายังประเทศไทย เพื่อหาตัวชายผู้หนึ่งซึ่งเผยแพร่ภาพตัวเขากำลังล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายชาวเอเชียราวๆ 200 ภาพทางอินเทอร์เน็ต
ผู้ต้องสงสัยคนนั้นซึ่งเป็นชาวแคนาดา ชื่อ คริสโตเฟอร์ นีล ในที่สุดก็ถูกจับกุมในเมืองไทย และมีกำหนดถูกนำตัวพิจารณาคดีในศาลในวันนี้(10)
พวกผู้เชี่ยวชาญบอกกันว่า การที่ประเทศไทยดึงดูดใจพวกเหล่าร้ายซึ่งกำลังหลบหนีคดี มีสาเหตุมาจากกระบวนวิธีตรวจคนเข้าเมืองของไทยนั้นค่อนข้างย่อหย่อน แถมยังเลื่องชื่อในเรื่องข้าราชการทุจริตคอร์รัปชัน
ยิ่งกว่านั้น ฐานะของกรุงเทพฯ ที่เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ก็ทำให้เป็นเรื่องสะดวกสำหรับเหล่าอาชญากรที่จะเข้าๆ ออกๆ ประเทศไทย ขณะที่ระดับค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้เหล่าร้ายสามารถใช้ชีวิตสุขสบายระหว่างการหลบหนี
“ไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่และมีค่าครองชีพต่ำ คนไทยก็ต้อนรับชาวต่างชาติ ดังนั้น คนร้ายต่างชาติที่กำลังหลบหนีจึงไม่เป็นที่ผิดสังเกตอะไรในประเทศนี้” พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว “เนื่องจากไทยเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว เราจึงต้องต้อนรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องง่ายที่คนร้ายจะปะปนไปกับนักท่องเที่ยวธรรมดา”
ประเทศไทยคาดหมายว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในปีนี้มากกว่า 15 ล้านคน และแทบจะไม่มีเดือนใดเลยที่ผ่านพ้นไป โดยไม่มีการเนรเทศคนต่างชาติอย่างน้อย 1 ราย ด้วยข้อหาความผิดทางอาญา ตั้งแต่ยาเสพติด, การล่วงละเมิดทางเพศ, ไปจนถึงการฟอกเงิน
ทางการตำรวจไทยบอกว่า ตัวเลขการจับกุมและการเนรเทศที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ พิสูจน์ว่าพวกเขาทำงานได้ผลในการต่อสู้อาชญากรรมระหว่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้ตัวเลขสนับสนุนว่า ปี 2005 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่สามารถหาตัวเลขได้ มีการเนรเทศคนออกไป 329 คน สูงขึ้นมากจากตัวเลข 207 คนในปี 2002
ทว่าพวกผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่า ยังจะมีอาชญากรเข้ามาสู่ประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นอีก เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายยังย่อหย่อนอยู่มาก
“ประเด็นเรื่องการทุจริตของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่ฝังรากลึกมากๆ ซึ่งเปิดทางให้ไม่เพียงนักค้าอาวุธเท่านั้น แต่ยังพวกทำอนาจารเด็กและคนอื่นๆ ซึ่งกำลังหลบหนีจากประเทศของพวกตน ให้มาใช้ไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เป็นแหล่งกบดาน” สุนัย ผาสุก นักวิจัยของฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ในกรุงเทพฯ ให้ความเห็น
เขาชี้ว่า คนร้ายเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ยิ่งกว่านั้น ยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายปลอมแปลงเอกสารฝีมือดี ซึ่งสามารถทำเอกสารเดินทางปลอมให้
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยของฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ผู้นี้ กล่าวด้วยว่า การที่สามารถจับกุมนักค้าอาวุธรัสเซียและคนอื่นๆ ก็พิสูจน์ว่าประเทศไทยกำลังมีความก้าวหน้ามากขึ้นในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยที่ความวิตกของนานาชาติได้เร่งรัดให้ทางการไทยต้องปรับปรุงระบบตรวจคนเข้าเมือง และเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศอื่นๆ