เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้หญิงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายเฉลี่ย 16% ในงานแบบเดียวกัน ซึ่งช่องว่างดังกล่าวถ่างกว้างมากที่สุดในบางประเทศของทวีปเอเชียและทวีปอเมริกา รายงานของสมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ (ITUC) เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (6) เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคม
การศึกษาของ ITUC ระบุว่า ที่ญี่ปุ่นผู้หญิงได้รับค่าจ้างต่ำกว่าผู้ชาย 33.4%, ที่เกาหลีใต้ น้อยกว่า 31.5% และที่จีน น้อยกว่า 32.7%
ในสหรัฐฯ ค่าจ้างของแรงงานผู้หญิงต่ำกว่าผู้ชาย 22.4%, ในแคนาดา ต่างกัน 27.5% และในปารากวัย 31.3%
"รายงานฉบับนี้ เปิดเผยอย่างละเอียดว่า ผู้หญิงถูกเลือกปฏิบัติขนาดไหน ในเรื่องการได้รับค่าจ้างเท่าเทียมผู้ชายที่ทำงานแบบเดียวกันทั่วโลก" ชาราน เบอร์โรว ประธาน ITUC กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ ผู้หญิงได้ค่าจ้างดีกว่าผู้ชายมาก อย่างในบาห์เรน ผู้หญิงได้ค่าจ้างมากกว่าผู้ชาย เฉลี่ย 40% ส่วนในกาตาร์และคอสตาริกา ได้มากกว่า 2.2%
"เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือ ผู้หญิงที่ทำงานมีจำนวนน้อย แต่ผู้หญิงที่ทำงานมีแนวโน้มเป็นผู้มีการศึกษาสูง มีทักษะสูง และทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า" รายงานอธิบายถึงช่องว่างค่าจ้างในบาห์เรน
ในยุโรป ช่องว่างค่าจ้างโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14.5% และลดน้อยลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
รายงานฉบับนี้ใช้ข้อมูลจาก "ตัวชี้วัดค่าจ้าง" ซึ่งเป็นการสำรวจค่าจ้างทางอินเทอร์เนต โดยผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเปรียบเทียบค่าจ้างของตน กับคนอื่นๆที่ทำงานคล้ายคลึงกัน และผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงได้รับการศึกษาสูงพอๆกับผู้ชาย หรือสูงกว่าด้วย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า ผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานมากกว่าครั้งใดๆ แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาสตกงานและได้งานที่ให้ค่าตอบแทนต่ำ มากกว่าผู้ชาย
ในปี 2007 อัตราแรงงานหญิงอยู่ที่ 52.5% ส่วนอัตราแรงงานชายอยู่ที่ 78.8% อัตราว่างงานของผู้หญิงอยู่ที่ 6.4% ผู้ชาย 5.7% ไอแอลโอเผย
อัตราแรงงานหญิงนั้นลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปี 1997 ซึ่งอยู่ที่ 52.9% โดยไอแอลโอให้เหตุผลว่า ตอนนี้ผู้หญิงได้รับการศึกษาสูงขึ้น
"ผู้หญิงเข้าถึงการศึกษามากขึ้น และจะเข้าสู่ตลาดแรงงานในเวลาต่อมา" โดโรเธีย ชมิดต์ ผู้เขียนร่วมรายงานฉบับนี้ กล่าว
