รมต.กลาโหมญี่ปุ่นส่อไขก๊อกรับผิดเหตุเรือพิฆาตชนเรือประมง

เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น บอกเป็นนัยพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบหลังเกิดเหตุเรือพิฆาตของกองทัพเรือญี่ปุ่นชนกับเรือหาปลา จนทำให้ชาวประมงพ่อลูกหายสาบสูญ 2 ราย ซึ่งนับเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนในสังคมอย่างหนัก

ชิเงรุ อิชิบะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น กล่าวตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวที่ว่าเขาจะลาออกหรือไม่ว่า “ผมพร้อมที่จะลาออกอยู่เสมอ”

อย่างไรก็ตาม อิชิบะ ได้กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาไม่นานหลังจากให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เขาจะไม่ลาออกอย่างทันที

“ผมคิดว่าการแสดงความรับผิดชอบก็คือการเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่โศกเศร้ามากที่สุด ถ้าผมไม่คิดอะไรและพูดแค่ว่าผมขอลาออก มันก็หมายความว่าผมไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของพวกเขาเลย” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (21) ที่แล้ว อิชิบะ ได้นั่งเรือลำหนึ่งออกไปกำกับการค้นหาร่างของชาวประมงสองพ่อลูกที่หายสาบสูญ ซึ่งนับเป็นปฏิบัติการค้นหาครั้งสุดท้ายหลังเกิดเหตุเมื่อ 9 วันที่แล้ว

ด้านฝ่ายค้านญี่ปุ่นได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมลาออกจากตำแหน่ง หลังเกิดเหตุเรือพิฆาตอาทาโงะของกองทัพเรือญี่ปุ่น ชนกับเรือประมงขนาดเล็กนอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้ชาวประมงสองพ่อลูกหายสาบสูญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหากอิชิบะตัดสินใจลาออกจริง ก็จะเป็นรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียาสุโอะ ฟูกูดะ ที่ก้าวลงจากตำแหน่ง หลังรัฐบาลชุดใหม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

ขณะที่ฝ่ายค้านยังได้กล่าวหาว่ากระทรวงกลาโหมพยายามที่จะปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้น หลังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นายหนึ่งซึ่งปฏิบัติงานอยู่บนเรืออาทาโงะ บินไปยังกรุงโตเกียวเพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนที่การสอบสวนจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งอิชิบะออกมายอมรับว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจที่ผิด แต่ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

เรือพิฆาตอาทาโงะซึ่งชนกับเรือหาปลาทูนาในครั้งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นเรือรบรุ่นใหม่และใหญ่มากที่สุดในบรรดาเรือรบ 5 ลำของกองทัพเรือญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นเรือที่พรั่งพร้อมไปด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างระบบประจัญบานเอจิสที่พัฒนาขึ้นโดยสหรัฐฯ ซึ่งสามารถค้นหาขีปนาวุธที่ถูกยิงมายังเรือได้ด้วยเรดาร์ และยังเป็นปราการด่านแรกที่ญี่ปุ่นใช้ในการป้องกันประเทศจากเกาหลีเหนืออีกด้วย