บีบีซีนิวส์ – ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้คิวบาเตรียมจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม หลังการประกาศอำลาตำแหน่งผู้นำประเทศของฟิเดล คาสโตร เนื่องด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
เมื่อวานนี้ (19) คาสโตร ผู้นำคอมมิวนิสต์ วัย 81 ปี ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนนับตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2006 ประกาศว่า จะไม่รับตำแหน่งประธานาธิบดีคิวบาในสมัยหน้า
ราอูล น้องชายวัย 76 ปีของคาสโตร ซึ่งรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีคิวบาอยู่ในขณะนี้ มีโอกาสอย่างชัดเจนที่จะผงาดขึ้นมารับหน้าที่ผู้นำประเทศแบบเต็มตัวต่อจากพี่ชาย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรคิวบาจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป
เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งบอกว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว “ในระยะเวลาอันใกล้นี้”
ขณะที่ สหภาพยุโรปหรืออียูแถลงว่า หวังที่จะฟื้นฟูสัมพันธไมตรีกับคิวบา ส่วนจีนก็ออกมายกย่องคาสโตรว่าเป็นสหายเก่าแก่ และเผยด้วยว่า จะยังคงรักษาความร่วมมือกับประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวบีบีซีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของคิวบา
คาสโตรเป็นที่จดจำติดตาในเครื่องแต่งกายชุดทหารสีเขียวมะกอก หนวดเครารกครื้ม และคาบซิการ์ติดปาก ก่อนที่ปัญหาสุขภาพจะทำให้เขาต้องยอมเลิกสูบอย่างอิดออดเต็มที นอกจากนั้นก็เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องชอบพูดปราศรัยกันทีละยาวๆ หลายชั่วโมง โดยสามารถตรึงความสนใจของผู้ฟังจำนวนมากเอาไว้ได้
เขาปกครองประเทศด้วยการปราบปรามปิดปากฝ่ายค้าน ทำให้ผู้คนจำนวนมากอพยพลี้ภัยไปอยู่สหรัฐฯแถบมลรัฐฟลอริดา และแม้ระบบเศรษฐกิจเต็มไปด้วยปัญหา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการถูกปิดล้อมของสหรัฐฯ ทว่าก็ได้รับการยกย่องในเรื่องการวางระบบสาธารณสุขอันยอดเยี่ยม ขณะที่ภายนอกประเทศ คาสโตรได้รับการเชิดชูในฐานะผู้นำสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มประเทศโลกที่สาม จากการหาญกล้าท้าทายสหรัฐฯ
ระหว่างเวลาเกือบ 50 ปีที่เขากุมอำนาจในคิวบา คาสโตรและระบอบปกครองของเขาสามารถอยู่รอดมาได้ แม้จะต้องเผชิญกับแผนการลอบสังหารหลายต่อหลายครั้งที่บงการโดยสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ(ซีไอเอ), ความพยายามที่จะยกพลเข้ามารุกรานซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอเมริกา, การคว่ำบาตรทางการค้าจากสหรัฐฯ, รวมทั้งการล่มสลายของค่ายคอมมิวนิสต์โซเวียต ที่เคยช่วยเหลือสนับสนุนเขามาตลอด