เอเอฟพี – ตำรวจเคนยาสาดกระสุนปืนและยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มประท้วงต่อต้านประธานาธิบดี เอ็มวาอิ กิบากี ในวันที่ 2 ของเหตุจลาจลนองเลือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย ทางการระบุ ในวันนี้ (18)
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รายงานว่า ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิต 5 คน แต่ ไรลา โอดิงกา ผู้นำฝ่ายค้าน แย้งว่า ลำพังเพียงแค่ในกรุงไนโรบียอดผู้เสียชีวิตก็ปาเข้าไป 7 รายแล้ว
ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 700 ราย นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่ง โอดิงกา อ้างว่าถูกประธานาธิบดีกิบากีปล้นชัยชนะ
โอดิงกา บอกว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายฝูงชนในครั้งนี้ 1 ในนั้นเป็นคนขับรถของ ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยตำรวจลั่นไกสังหารในขณะที่เหยื่อกำลังออกจากบ้าน ส่วน อลิซาเบธ ออนโกโร สมาชิกรัฐสภาเคนยา กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตอีก 6 คน “โดนตำรวจสวมเครื่องแบบปลิดชีพ”
ก่อนหน้านั้น โอดิงกา ออกมาเรียกร้องให้มีการเดินขบวนประท้วงเป็นเวลา 3 วัน หลังจากความพยายามในการไกล่เกลี่ยวิกฤตทางการเมืองล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
แต่ทันทีที่การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในวันพุธ (16) ที่ผ่านมา ทางตำรวจก็เข้าปราบปรามเหตุปะทะและการฆ่าระหว่างเผ่าพันธุ์อันแสนโหดเหี้ยมที่มีชนวนขัดแย้งมาจากการเลือกประธานาธิบดีเมื่อปีแล้ว โดยเหตุความรุนแรงในเคนยาครั้งนี้ คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 700 ราย พร้อมกันนี้ยังมีผู้อพยพหนีตายอีกกว่า 250,000 คน
โฆษกพรรคออเรนจ เดโมคราติก มูฟเมนต์ ของโอดิงกา กล่าวในคำแถลงว่า ได้ทำการรวบรวมรายงานการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งภาพที่ตำรวจใช้กำลังทุบตีผู้ประท้วง เพื่อร้องเรียนไปยังศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์
ด้านตำรวจก็ประกาศที่จะเพิ่มมาตรการความรุนแรงในการสลายกลุ่มผู้ประท้วง โดยเตือนว่า การรณรงค์ชวนเชื่อของพรรคฝ่ายค้านถึงคราวที่จะยุติต้องได้แล้ว
ทั้งนี้ เหตุจลาจลนองเลือดภายหลังการเลือกตั้งดังกล่าว นอกจากจะคร่าชีวิตประชาชน และมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงด้านความปลอดภัยของเคนยา พร้อมกันนี้ ยังสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกชา หรือการท่องเที่ยวอีกด้วย