เอเอฟพี - ประธานองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวเมื่อวานนี้ (6) ว่า น้ำมันดิบที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปัจจุบันยังไม่ใช่ราคาที่แพงมาก หากพิจารณาจากความต้องการ ซึ่งยังสูงลิ่วและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยที่ก่อนหน้านี้วันหนึ่งเขาก็บอกว่า ราคาน้ำมันจะยังคงสูงต่อไปอีกจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนมีนาคม
ในวันพุธ (2) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์ในนิวยอร์ก มีอยู่ช่วงหนึ่งซื้อขายกันด้วยราคาสูงสุดเป็นสถิติใหม่ที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะถอยลงมาปิดในวันนั้นที่ 99.18 ดอลลาร์ แล้วถึงตอนสิ้นสุดการซื้อขายในสัปดาห์ที่แล้ว นั่นคือ เมื่อปิดตลาดวันศุกร์ (4) ราคาได้ไหลลงมาที่ 97.91 ดอลลาร์ ลดลงจากวันพฤหัสบดี (3) 1.27 ดอลลาร์ สืบเนื่องจากตัวเลขภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกันว่า เศรษฐกิจอเมริกันกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีพลังงานแอลจีเรีย ชาคิบ เคลิล ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานโอเปกตามวาระหมุนเวียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม บอกกับเอเอฟพีว่า ราคาที่ทะยานลิ่วขึ้นมาในเวลานี้ ควรต้องพิจารณาให้ “สัมพันธ์กับราคาที่แท้จริง” นั่นคือ ต้องนำเอาอัตราเงินเฟ้อมาหักออก
เขากล่าวว่า หากทำเช่นนั้นจะพบว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่ทำไว้เมื่อทศวรรษ 1980 ซึ่งจะอยู่ “ระหว่าง 102-110 ดอลลาร์แล้ว แต่วิธีประมาณการ”
เคลิล บอกว่า ความต้องการน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง โดยไม่เพียงมาจาก “จีนและอินเดียเท่านั้น แต่ยังมาจากตะวันออกกลางซึ่งการบริโภคสูงขึ้นอย่างมโหฬาร”
“เมื่อคุณนำเอาเรื่องพวกนี้มาพิจารณาด้วย 100 ดอลลาร์ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูงมากมายเลย” เขากล่าวต่อ
ก่อนหน้าที่ประธานโอเปกได้พูดในวันเสาร์ (5) ว่า “การพุ่งทะยานของราคาน่าจะไปต่อจนกระทั่งถึงช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2008 ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเสถียรภาพในระหว่างไตรมาส 2”
เคลิล ซึ่งไปร่วมการประชุมว่าด้วยความปลอดภัยของระบบท่อส่งไฮโดรคาร์บอนที่เมืองหลวงของแอลจีเรีย ได้กล่าวนอกห้องประชุมว่า “น่าจะเป็นไปได้” ที่ราคาน้ำมันจะกลับมีเสถียรภาพในไตรมาส 2 ปีนี้
เขายังกล่าวโทษราคาที่พุ่งแรงในเวลานี้ ว่า เนื่องมาจากความตึงเครียดในปากีสถาน, ความรุนแรง ซึ่งเพิ่มมากขึ้นในไนจีเรีย ที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา รวมทั้งการที่คลังน้ำมันในสหรัฐฯมีน้ำมันเหลือกันน้อยลงมาก
เคลิล บอกว่า ตลาดน้ำมันในเวลานี้ “ยังคงมีซัปพลายอย่างพอเพียง” แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธบอกปัดเมื่อถูกถามว่าในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปอาจจะมีมติให้ประเทศสมาชิกเพิ่มการผลิต
โอเปกกำหนดจะประชุมระดับรัฐมนตรีน้ำมันครั้งต่อไปในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเวียนนา เคลิล กล่าวว่า ที่ประชุมจะต้องศึกษาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคำพยากรณ์เรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ และภาวะสินเชื่อตึงตัว
“ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยแน่ โอเปกก็จะไม่เพิ่มการผลิตในระดับปัจจุบัน เพียงเพื่อที่จะถูกเรียกร้องให้ต้องลดลงอีกในเวลาต่อไป” เขากล่าว