วันนี้ (5 ต.ค.) เวลา 10.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช รวม 66 อำเภอ 305 ตำบล 1,486 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,475 ครัวเรือน ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าในระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 5 ต.ค. 67 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 38 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 240 อำเภอ 1,046 ตำบล 5,643 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 200,062 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 49 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 66 อำเภอ 305 ตำบล 1,486 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,475 ครัวเรือน
ภาคเหนือ รวม 10 จังหวัด 38 อำเภอ 131 ตำบล 575 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,405 ครัวเรือน
1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เมืองฯ อ.แม่ลาว อ.เวียงป่าเป้า และ อ.เวียงชัย รวม 11 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 220 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2) เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่ริม อ.ดอยหล่อ อ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.แม่แตง อ.เมืองฯ และ อ.สารภี รวม 34 ตำบล 183 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 96 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
3) พะเยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ใจ รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
4) แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมืองฯ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
5) ลำพูน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.แม่ทา และ อ.ป่าซาง รวม 16 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,875 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
6) ลำปาง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แจ้ห่ม อ.งาว และ อ.แม่พริก รวม 7 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
7) ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สามเงา อ.บ้านตาก อ.แม่สอด อ.พบพระ และ อ.อุ้มผาง รวม 12 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,389 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
8 )พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมืองฯ อ.บางกระทุ่ม อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.วัดโบสถ์ รวม 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,749 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
9) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.น้ำหนาว อ.เมืองฯ และ อ.หนองไผ่ รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
10) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมืองฯ รวม 15 ตำบล 51 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,940 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 7 จังหวัด 17 อำเภอ 69 ตำบล 357 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,595 ครัวเรือน
1) เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ภูกระดึง อ.วังสะพุง อ.ภูเรือ และ อ.เมืองฯ รวม 10 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 701 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2) อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สร้างคอม รวม 8 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 428 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3) กาฬสินธุ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ยางตลาด และ อ.หนองกรุงศรี รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4) ชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.คอนสวรรค์ และ อ.จัตุรัส รวม 12 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 71 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
5) ขอนแก่น เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ภูผาม่าน รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
6) มหาสารคาม เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.กันทรวิชัย อ.โกสุมพิสัย และ อ.เชียงยืน รวม 29 ตำบล 199 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
7) อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สว่างวีระวงศ์ รวม 5 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 273 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ภาคกลาง รวม 2 จังหวัด 10 อำเภอ 104 ตำบล 554 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,459 ครัวเรือน
1) อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ไชโย และ อ.เมืองฯ รวม 9 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 289 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน อ.บางไทร และ อ.บางปะหัน รวม 95 ตำบล 534 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,140 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ภาคใต้ รวม 1 จังหวัด 1 อำเภอ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน
1) นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอทุ่งสง รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์ รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิคแขนยาว เร่งขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจร ฟื้นฟูถนนหนทาง อาคารบ้านเรือนในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าในระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 5 ต.ค. 67 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 38 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 240 อำเภอ 1,046 ตำบล 5,643 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 200,062 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 49 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครศรีธรรมราช รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 66 อำเภอ 305 ตำบล 1,486 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,475 ครัวเรือน
ภาคเหนือ รวม 10 จังหวัด 38 อำเภอ 131 ตำบล 575 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,405 ครัวเรือน
1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เมืองฯ อ.แม่ลาว อ.เวียงป่าเป้า และ อ.เวียงชัย รวม 11 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 220 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2) เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่ริม อ.ดอยหล่อ อ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.แม่แตง อ.เมืองฯ และ อ.สารภี รวม 34 ตำบล 183 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 96 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
3) พะเยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ใจ รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
4) แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมืองฯ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
5) ลำพูน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.แม่ทา และ อ.ป่าซาง รวม 16 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,875 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
6) ลำปาง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แจ้ห่ม อ.งาว และ อ.แม่พริก รวม 7 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
7) ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สามเงา อ.บ้านตาก อ.แม่สอด อ.พบพระ และ อ.อุ้มผาง รวม 12 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,389 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
8 )พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมืองฯ อ.บางกระทุ่ม อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.วัดโบสถ์ รวม 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,749 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
9) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.น้ำหนาว อ.เมืองฯ และ อ.หนองไผ่ รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
10) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมืองฯ รวม 15 ตำบล 51 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,940 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 7 จังหวัด 17 อำเภอ 69 ตำบล 357 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,595 ครัวเรือน
1) เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ภูกระดึง อ.วังสะพุง อ.ภูเรือ และ อ.เมืองฯ รวม 10 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 701 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2) อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สร้างคอม รวม 8 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 428 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3) กาฬสินธุ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ยางตลาด และ อ.หนองกรุงศรี รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4) ชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.คอนสวรรค์ และ อ.จัตุรัส รวม 12 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 71 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
5) ขอนแก่น เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ภูผาม่าน รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
6) มหาสารคาม เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.กันทรวิชัย อ.โกสุมพิสัย และ อ.เชียงยืน รวม 29 ตำบล 199 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
7) อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สว่างวีระวงศ์ รวม 5 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 273 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ภาคกลาง รวม 2 จังหวัด 10 อำเภอ 104 ตำบล 554 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,459 ครัวเรือน
1) อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ไชโย และ อ.เมืองฯ รวม 9 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 289 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน อ.บางไทร และ อ.บางปะหัน รวม 95 ตำบล 534 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,140 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ภาคใต้ รวม 1 จังหวัด 1 อำเภอ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน
1) นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอทุ่งสง รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์ รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิคแขนยาว เร่งขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจร ฟื้นฟูถนนหนทาง อาคารบ้านเรือนในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด