จากกรณีทนายชื่อดัง จ.ราชบุรี บุกไปหน้าธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ใช้อุจจาระราดตัวเพื่อประท้วง หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเอาเงินออกจากบัญชีกว่า 1.1 ล้านบาท โดยยื่นคำขาดให้เวลาธนาคาร 2 สัปดาห์ หากไม่รับผิดชอบจะฆ่าตัวตาย
ซึ่งเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ครบกำหนดวันยื่นคำขาด ทนายนพ สุขาภิรมย์ เดินทางมาที่หน้าธนาคาร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย มาเฝ้าสังเกตุการณ์ โดยทนายนพได้อ่านแถลงการณ์เล่าเหตุการณ์ที่ถูกหลอกโอนเงิน โดยมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นบริษัทขนส่งพัสดุ ติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหาย 1,000 บาท หลังทำเอกสารชำรุด และให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพื่อจะคืนเงิน แต่หลังจากดาวน์โหลดแอปแล้ว โทรศัพท์ก็มืดไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงช่องให้สแกนใบหน้าเท่านั้น ก่อนหน้าจอจะดับลงไปนานราว 10 นาที และพบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีทั้งหมดกว่า 1.1 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทนายนพ กล่าวว่า ตนได้เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจไซเบอร์ อ้างว่าตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบแล้ว แจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารที่ไม่ติดตั้งระบบป้องกันการแฮ็ก จึงแนะนำให้ฟ้องแพ่งธนาคาร
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย โพสต์ระบุว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่ใช่กรณีแอปดูดเงิน แต่เป็นการโอนเงินผ่านการสแกน QR พร้อมเพย์ ซึ่งคนร้ายหลอกว่าเป็น QR รับเงิน ผู้เสียหายดำเนินการตามขั้นตอน โดยเป็นผู้ใส่รหัส
สแกนหน้า และโอนเงิน พร้อมยืนยันรายการด้วยตนเองเป็นจำนวน 2 รายการ
เมื่อธนาคารรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายในวันที่ถูกหลอกโอนเงิน จึงได้ดำเนินการออกเลขที่รับแจ้งเหตุ (Bank Case ID) พร้อมทั้งส่งข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนให้ธนาคารผู้รับโอนทันที เพื่อระงับธุรกรรมชั่วคราวและ ไล่เส้นทางการเงินตามกระบวนการของกฎหมาย ทางการที่แจ้งขอข้อมูลมาทุกกรณี โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือหน่วยงาน
ทั้งนี้ ธนาคารขออภัยสำหรับประเด็นการขอข้อมูลตามที่เป็นข่าว ที่อาจมีความคลาดเคลื่อน ในการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีความจำเป็น หรือส่งผลกระทบต่อกระบวนการส่งเรื่อง เพื่อระงับธุรกรรมแต่อย่างใด
ธนาคารขอเน้นย้ำว่าการสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง เป็นการสแกนเพื่อ จ่ายเงินเท่านั้น ไม่มีการสแกนเพื่อรับเงิน และเพื่อลดความเสี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ อย่ากดลิงก์ จาก SMS แปลกปลอม และอย่าแอดไลน์คนที่ไม่รู้จัก
ธนาคารกสิกรไทย
6 มิถุนายน 2567
ซึ่งเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ครบกำหนดวันยื่นคำขาด ทนายนพ สุขาภิรมย์ เดินทางมาที่หน้าธนาคาร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย มาเฝ้าสังเกตุการณ์ โดยทนายนพได้อ่านแถลงการณ์เล่าเหตุการณ์ที่ถูกหลอกโอนเงิน โดยมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นบริษัทขนส่งพัสดุ ติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหาย 1,000 บาท หลังทำเอกสารชำรุด และให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพื่อจะคืนเงิน แต่หลังจากดาวน์โหลดแอปแล้ว โทรศัพท์ก็มืดไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงช่องให้สแกนใบหน้าเท่านั้น ก่อนหน้าจอจะดับลงไปนานราว 10 นาที และพบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีทั้งหมดกว่า 1.1 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทนายนพ กล่าวว่า ตนได้เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจไซเบอร์ อ้างว่าตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบแล้ว แจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารที่ไม่ติดตั้งระบบป้องกันการแฮ็ก จึงแนะนำให้ฟ้องแพ่งธนาคาร
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย โพสต์ระบุว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่ใช่กรณีแอปดูดเงิน แต่เป็นการโอนเงินผ่านการสแกน QR พร้อมเพย์ ซึ่งคนร้ายหลอกว่าเป็น QR รับเงิน ผู้เสียหายดำเนินการตามขั้นตอน โดยเป็นผู้ใส่รหัส
สแกนหน้า และโอนเงิน พร้อมยืนยันรายการด้วยตนเองเป็นจำนวน 2 รายการ
เมื่อธนาคารรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายในวันที่ถูกหลอกโอนเงิน จึงได้ดำเนินการออกเลขที่รับแจ้งเหตุ (Bank Case ID) พร้อมทั้งส่งข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนให้ธนาคารผู้รับโอนทันที เพื่อระงับธุรกรรมชั่วคราวและ ไล่เส้นทางการเงินตามกระบวนการของกฎหมาย ทางการที่แจ้งขอข้อมูลมาทุกกรณี โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือหน่วยงาน
ทั้งนี้ ธนาคารขออภัยสำหรับประเด็นการขอข้อมูลตามที่เป็นข่าว ที่อาจมีความคลาดเคลื่อน ในการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีความจำเป็น หรือส่งผลกระทบต่อกระบวนการส่งเรื่อง เพื่อระงับธุรกรรมแต่อย่างใด
ธนาคารขอเน้นย้ำว่าการสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง เป็นการสแกนเพื่อ จ่ายเงินเท่านั้น ไม่มีการสแกนเพื่อรับเงิน และเพื่อลดความเสี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ อย่ากดลิงก์ จาก SMS แปลกปลอม และอย่าแอดไลน์คนที่ไม่รู้จัก
ธนาคารกสิกรไทย
6 มิถุนายน 2567