องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า พบผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กเล็กที่มีอาการของโรคตับอักเสบเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 169 คน ใน 12 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย จึงมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขประเทศต่างๆ เพื่อให้ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและการป้องกัน
ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยหลายคนจะมีอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง และอาเจียน ก่อนที่จะมีอาการตับอักเสบเฉียบพลันรุนแรง รวมทั้งระดับเอนไซม์ตับ หรืออะลานีน อะมิโนทรานสซามิเนส และดีซ่านเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ไม่มีไข้
สำหรับประเทศที่มีการรายงานว่าพบผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กเล็ก ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สเปน อิสราเอล เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี นอร์เวย์ ฝรั่งเศส โรมาเนีย และ เบลเยียม เฉพาะในสหราชอาณาจักร พบมากถึง 114 ราย โดยเป็นเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 16 ปี และในจำวนนนี้มี 17 คน ที่ต้องปลูกถ่ายตับ
ทั้งนี้ จากจำนวน 169 ราย มีการตรวจพบอะดีโนไวรัส (ไวรัสไข้หวัดธรรมดา) 74 ราย ตรวจพบเชื้อโควิด-19 จำนวน 20 ราย และตรวจพบทั้งเชื้ออะดีโนไวรัสและโควิด-19 จำนวน 19 ราย
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี ได้ออกคำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพและหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการสอบสวนโรคตับอักเสบเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยให้พิจารณาการทดสอบอะดีโนไวรัสในเด็กที่เป็นโรคตับอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ และการตรวจเลือดโดยรวม ไม่ใช่แค่ในพลาสมาเท่านั้น