นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ครบระยะเวลา 7 วันของช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบสถิติคดีรวมทั้งสิ้น 1,337 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 1,222 คดี ติด EM 2 ราย และขับเสพ 115 คดี จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด มี 2 จังหวัดได้แก่ สุรินทร์ และกรุงเทพฯ จำนวน 398 คดี อันดับสอง จังหวัดเชียงราย จำนวน 343 คดี และอันดับสาม จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 330 คดี โดยระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน มีคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 7,925 คดี ประกอบด้วย คดีขับรถขณะเมาสุรา 7,141 คดี คดีขับเสพ 765 คดี คดีขับรถประมาท 19 คดี และศาลมีคำสั่งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM คดีขับรถขณะเมาสุรายอดสะสม 7 วัน จำนวนทั้งสิ้น 13 ราย คือ จ.อุบลราชธานี (สาขาเดชอุดม) จำนวน 10 ราย รองลงมา สุโขทัย 3 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ตั้งแต่เวลา 19.00-05.00 น. เป็นเวลา 7 วัน
อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวว่า สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC)
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราช่วงสงกรานต์ ปี 2564 จำนวน 6,061 คดี ปี 2565 จำนวน 7,141 คดี สถิติคดีเพิ่มขึ้น 1,080 คดี สำหรับสู่กระบวนการคุมความประพฤติ โดยเฉพาะผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองแบบประเมินการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา กรมคุมประพฤติจะส่งเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ ต้องเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และยังคงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคม