MGR Online - อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผย เมาขับเทียบปีก่อนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 93 ห่วงสวัสดิภาพประชาชนในการเดินทาง ตั้งด่านตรวจดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ 46 จุด
วันนี้ (17 เม.ย.) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติของวันที่ 16 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 1,184 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 1,145 คดี และคดีขับเสพ 39 คดี สำหรับยอดรวมสะสม 6 วัน ของ 7 วันอันตราย มีจำนวน 6,588 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 5,919 คดี คิดเป็นร้อยละ 89.84 ติด EM 11 ราย คดีขับเสพ 650 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.87 คดีขับรถประมาท 19 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.29 จ.สุรินทร์ ยังคงครองแชมป์คดีเมาขับสูงสุดอันดับหนึ่ง 331 คดี รองลงมา จ.ร้อยเอ็ด 330 คดี และ กรุงเทพมหานคร 310 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่ 6 ของ7 วันอันตรายปี 2564 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 80 คดี และ ปี 2565 จำนวน 1,145 คดี เพิ่มขึ้น 1,065 คดี คิดเป็นร้อยละ 93
นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) คดีขับรถขณะเมาสุรายอดสะสม 6 วัน จำนวน 11 ราย โดยส่วนใหญ่กำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ตั้งแต่เวลา 19.00-05.00 น. เป็นระยะเวลา 7 วัน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC)
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดคดีขับรถขณะเมาสุรา ใช้มาตรทางกฎหมายและมาตรการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้น โดยจะประเมินและคัดกรองผู้กระทำผิด และกำหนดมาตรการตามระดับปัญหา โดยการคุมประพฤติให้ผู้กระทำผิดปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ได้แก่ ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุม ให้ทำงานบริการสังคม พักการใช้ใบอนุญาตขับรถ ให้เข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย วินัยจราจร ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งยังมีการจำแนกความเสี่ยง หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะถูกส่งไปบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหากมีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำสูงคดีขับรถขณะเมาสุราจะถูกส่งเข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะเวลา 3 วัน ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข อาจเสนอศาลให้เพิ่มเงื่อนไขการคุมความประพฤติตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติ มีความห่วงใยสวัสดิภาพของประชาชนในการเดินทาง โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย ประชาชนและผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 46 จุด โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 1,105 คน