นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า นายพิธาต้องเรียนรู้
นายพิธาออกมาตำหนิการสังหารหมู่พลเรือนยูเครนที่เมืองบูชา (Bucha) ใกล้กับกรุงเคียฟบนท้องถนนมากกว่า 300 ศพ ทั้งๆที่ยังมีความขัดแย้งของข้อเท็จจริง ระหว่างข้อมูลของตะวันตกและรัสเซีย ซึ่งยังถกเถียงกันอยู่
ก่อนหน้านี้ ช่วงเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนใหม่ๆ นายพิธาก็เคยออกมาเรียกร้องให้รัสเซีย ถอนกำลังออกจากยูเครนทันที อย่างไม่มีเงื่อนไข จนหลายคนแซวเล่นๆว่า ลิเกออกโรง
สิ่งที่นายพิธาต้องเรียนรู้ นี่คือความขัดแย้งของมหาอำนาจ ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างม็อบกับตำรวจในประเทศ จะได้เที่ยวออกความเห็นตามใจฉัน
ในท่ามกลางความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่พรรคการเมืองจะแสดงออก สำคัญที่สุดคือ เราต้องยึดประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง
หลักการไม่ได้ซับซ้อน ฝ่ายใดที่ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด ประเทศเราก็ยืนตรงนั้น ถ้าเราได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราก็ควรยืนตรงกลาง ถ้าวิเคราะห์ว่าฝ่ายไหนชนะแน่ๆ เราก็ยืนฝ่ายชนะ ถ้ายังไม่ต้องรีบตัดสินใจก็ประคับประคองสถานการณ์ จนมีความชัดเจน
ความขัดแย้งของมหาอำนาจ จักรวรรดินิยมเก่า กับกลุ่มมหาอำนาจใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ระดับพรรคการเมือง ที่จะต้องนำพาประเทศ ต้องระมัดระวังท่าทีที่จะแสดงออก
การที่นายพิธาแสดงออกมา ทั้งสองครั้ง มันไม่ใช่การนำพาประเทศเพื่อประโยชน์ชาติ แต่เป็นเพียงลิ่วล้อที่เดินตามนายสั่ง หรือเป็นเหมือนNGOที่รับงานมาเท่านั้นเอง
โชคดีที่นายพิธา เป็นพรรคฝ่ายค้าน ถ้าเป็นรัฐบาล แล้วมารีบแสดงออกเช่นนี้ ประชาชนไทยคงจะลำบากขึ้นมาก อนาคตประเทศคงไม่ต่างจาก นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ที่กำลังกระทำตอนนี้